© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.
หนึ่งในไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดในงานบ้านและสวนแฟร์ Midyear 2022 คือประกวดจัดสวนภายใต้แนวคิด แต่งมุมสวยด้วยไม้สะสม
งานบ้านและสวนแฟร์ Midyear 2022 ตั้งใจนำเสนอคอนเซ็ปต์ “Garden Exploration” มาจากการที่คนเกิดความสนใจในเรื่องต้นไม้และเข้าไปเรียนรู้เทคโนโลยีเชิงลึกในเรื่องการปลูก การขยายพันธุ์ การดูแลรักษา ไปจนถึงการออกแบบจัดสวนในบ้านได้ด้วยตัวเอง
งานบ้านและสวน POP UP FAIR นอกจากของน่าช็อปแล้ว ยังมีไฮไลต์ที่คนรักบ้าน รักสวน รักงานคราฟต์ ต้องมากันให้ได้เลย
งานบ้านและสวนแฟร์ Midyear 2022 ที่จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 5-14 สิงหาคม 2565 ณ ไบเทค บางนา จึงอยากเป็นสื่อกลางเชิญชวนคนรักต้นไม้มาร่วมสนุกเพื่อโชว์ไอเดีย ประกวด “แต่งมุมสวยด้วยไม้สะสม” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ร่วมชมงานได้นำไอเดียเหล่านี้ไปใช้ตกแต่งต่อไป
บ้านและสวน Pop – up Fair #ชวนออกร้าน ร้านค้าไหนมีไอเทมน่าช้อป ทั้งของแต่งบ้านมีสไตล์ งานทำมือ ของแต่งสวน เสื้อผ้าและเครื่องประดับ มาออกร้านกลางเมืองกันที่งาน ‘บ้านและสวน Pop – up Fair’ วันที่ 23 – 26 มิ.ย. 65 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ จองบูธ โทร 085 – 661 – 4638 พบกับไฮไลต์ที่คนรักบ้าน และงานคราฟต์ไม่ควรพลาด เจอกันน้าชาวบ้านและสวน ที่สามย่านมิตรทาวน์
ใครที่ยังไม่ได้ไป งานบ้านและสวนแฟร์ select 2022 แต่ไม่อยากพลาดไฮไลต์เด็ด เราจัดทัวร์ 5 โซนหลักให้ในรูปแบบ Virtual Tour มาให้ดูได้ 360 องศา เหมือนได้ไปเดินในงานจริงๆ ถ้าอยากรู้ว่าเด็ดแค่ไหน จับเมาส์มาหมุนดูกันได้เลย โซนแรกสำหรับคนรักต้นไม้ จำลองบรรยากาศของห้องต่างๆ ภายในบ้านพร้อมกับตัวอย่างการเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแต่ละห้อง มีเรือนกระจกที่รวม 5 กลุ่มต้นไม้ยอดฮิตอย่างไม้ใบ แคคตัสและไม้อวบน้ำ กุหลาบ เฟิน บอนสี พร้อมข้อมูลพรรณไม้เหล่านี้ และคาเฟ่สไตล์ Botinic Garden จากร้าน Little Tree ในบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด โซนถัดมาเป็น room Showcase ปีนี้มาพร้อมกับแนวคิด Better Together ที่จะพาเราไปพบกับความเป็นไปได้ใหม่ๆ นำไปสู่โลกที่ดีกว่าได้ เช่น Design Book Café คาเฟ่ที่ไม่ได้มีแค่หนังสือแต่ยังชวนไปลิ้มลองเมนูแปลกใหม่ในธีม Future Food อาหารแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น Plant-based หรือ Alternative Protein […]
รวมกิจกรรมในงานบ้านและสวนแฟร์ select 2020 วันที่ 19-27 มีนาคม 2565 จาก 4 โซนไฮไลต์ในงาน ทั้งเพิ่มพูนเรื่องบ้าน เรื่องสวน และความสนุกบนเวทื
“ลองชิมใบนี้สิ” คุณอ้อ ถนอมวรรณ สิงห์จุ้ย หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าพี่อ้อ ผู้ก่อตั้งฟาร์มสุขดอกไม้ไทย บอกกับเราขณะที่เธอยื่น “ใบผีเสือราตรี” ไม้ประดับยอดฮิตมาให้เราชิม แม้ใจจะยังกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็คิด เอาวะ!!! (คงไม่ตายหรอก) ทันทีที่เคี้ยวกลีบใบสีม่วงเข้มตามด้วยก้านใบ มันตราตรึงเหมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่ที่เพิ่งค้นพบว่า รสชาติของใบผีเสื้อราตรีมันเหมือนกับการกินผลตะลิงปลิง นอกจากใบผีเสื้อราตรี ยังมีดอกไม้ใบรสชาติเหมือนผลไม้อีกหลายชนิดที่เราได้ทดลองชิมกันสดๆ ในห้องบรรจุกล่องก่อนส่งต่อไปยังร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ พร้อมๆ กับเสียงทวนออร์เด้ออย่างเร่งรีบเพื่อให้ส่งดอกไม้เหล่านั้นให้ทันเวลา “พื้นที่ปลูกของฟาร์มสุขดอกไม้ไทยกินได้มันไม่มากนะ พี่เลือกปลูกเฉพาะที่ลูกค้าต้องการแล้วใช้เทคนิคการตัดแต่งดูแลให้ดอกไม้เหล่านี้ออกดอก การทำฟาร์มดอกไม้ไทยกินได้ของพี่จึงเป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้ เรียนรู้ อ่านงานวิจัย ทดลองปลูก และวางแผนการตลาด วางกลุ่มเป้าหมายชัดๆ มันเลยทำให้ควบคุมคุณภาพและปริมาณได้ตรงตามต้องการ ที่สำคัญเราต้องไม่หยุดเรียนรู้ ค้นหาศาสตร์ใหม่ๆ มาแนะนำลูกค้าที่สั่งดอกไม้ของเรา และเรียนรู้จากลูกค้าด้วย เมื่อเราเข้าใจทั้งเขาและเราก็เกื้อหนุนกันได้เรื่อยๆ มันเลยทำให้การทำเกษตรมีรายได้ที่สม่ำเสมอ” “แต่ก่อนพี่ปลูกผักขายจะขายได้ก็ตอนเก็บเกี่ยว ราคานั้นไม่ต้องพูดถึงถูกแสนถูก แต่พอหันมาปลูกดอกไม้ไทยกินได้มันใช้ระยะเวลาปลูกก็จริง แต่ราคาขายตกอยู่ที่ดอกละ 1 บาท ในหนึ่งกล่องจะอยู่ที่ 50-100 ดอก(ขึ้นอยู่กับชนิด) แล้วตั้งเป้าเลยว่าจะส่งให้ร้านอาหารเท่านั้น สิ่งที่ร้านอาหารได้จากตรงนี้คือจะคุม cost ได้ เขาจะรู้ว่าใช้ cost ตกแต่งอยู่ที่กี่บาท มันเป็น Business […]
นอกจากข้อจำกัดในการปลูกผักในเมืองจะเป็นเรื่องขนาดพื้นที่แล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่คุณหมอเคน – ทพ. กษิดิศ วชิรปราการสกุล บอกกับเราคือเรื่องดิน การปรุงดินเองที่ต้องใช้เวลายาวนานหรือการหาแหล่งซื้อดินที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับคนเมือง การทำระบบอะควาโปนิกส์ จึงเป็นคำตอบที่เหมาะกับเขามากที่สุด จากนั้นจึงศึกษาเรียนรู้ และลงมือทำ อะควาโปนิกส์ เป็นรูปแบบการปลูกพืชที่ประยุกต์มาจากการปลูกพืชด้วยน้ำหรือไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ผสมผสานกับการเลี้ยงปลาหรือสัตว์น้ำ (Aquaculture) โดยใช้น้ำที่เป็นของเสียจากการเลี้ยงปลาเป็นปุ๋ยให้พืชผัก ผ่านกระบวนการย่อยสลายตามธรรมชาติโดยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และบำบัดน้ำเสียให้เป็นน้ำดีเหมาะแก่การเลี้ยงปลา เป็นระบบ Eco System การพึ่งพากันของสิ่งมีชีวิต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลผลิตต่อพื้นที่สูง ทั้งยังประหยัดน้ำมากกว่าการทำเกษตรทั่วไปได้ถึง 90% และมีพื้นที่แค่เพียง 2 x 2 เมตร ก็ทำอะควาโปนิกส์ฉบับทดลองปลูกได้ ข้อดี ประโยชน์ของการทำอะควาโปนิกส์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณหมอเคน ทำให้เขาศึกษา เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วลงมือออกแบบ หาวัสดุอุปกรณ์ เรียนรู้เรื่องการปลูกผัก เลี้ยงปลา รวมทั้งทำงานช่างสร้างระบบด้วยตัวเอง พัฒนาจนได้ระบบอะควาโปนิกส์แบบไฮบริดหรือระบบลูกผสม ที่ควบคุมการไหลของน้ำทั้งในบ่อเลี้ยงปลาและกระบะปลูกผัก ทั้งแปลงปลูกด้วยน้ำลึก (DWC) แปลงปลูกแบบที่ใช้วัสดุปลูก (Media Bed) ติดตั้งกาลักน้ำ และแปลงปลูกแบบวิคกิ้ง (Wicking Bed) ซึ่งพืชผักได้รับน้ำทางรากอย่างทั่วถึง […]
จากจุดเริ่มต้นที่อยากเลี้ยงไก่ไข่เพื่อเก็บไข่สดๆ ที่ปลอดภัยมาเป็นวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ เพื่อเสิร์ฟใน Soontree life &farm แล้ว แต่เมื่อเลี้ยงด้วยใจรัก เป็นเสมือนเพื่อนรักทำให้คุณวาว วาสิฏฐี ลาธุลี เริ่มศึกษาเรียนรู้การเลี้ยงไก่สวยงามพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งเพิ่มเติมสัตว์ปีก ทั้งเป็ด ห่าน เข้ามาเป็นสมาชิกในฟาร์มของเธอด้วย “อยากให้ลูกค้าที่ร้าน คนในบ้าน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงได้กินไข่ที่ดี รู้แหล่งที่มา รู้ว่าไก่ที่ออกไข่ให้เรากินนั้นเขาถูกเลี้ยงมาอย่างไร เลยเริ่มจากหาสายพันธุ์ไก่ที่ชอบและเหมาะกับเรา จนได้มาเจอไก่ไข่สายพันธุ์แท้พวกนี้ ในฟาร์มมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ เน้นไก่ไข่สวยงามสายพันธุ์แท้ ได้แก่ ออสตราล็อร์ป (Australorp) มีหลากหลายสี เช่น สีบลู สีแบล็ก สีสแปลช สีโคโรเนชั่น อะเมอรัวคานา (Ameraucana) ให้ไข่สีฟ้า สีเขียว เลกฮอร์น (Leghorn) ไข่สีขาว และ เลกบาร์ (Legbar) ไข่สีฟ้า และโอลีฟ เอกเกอร์ (Olive Egger) ไข่สีเขียว” นอกจากสีสันที่เกิดจากไก่สวยงาม บรรยากาศการตกแต่งของเล้าไก่ยังเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ถอดแบบมาจากหนังสือนิทานของ เบียทริกซ์ […]
นอกจากประโยชน์ของพืชผักสวนครัวที่ปลูกเองหลังบ้านจะมีประโยชน์ในทางโภชนาการ มั่นใจในความปลอดภัย ที่ผ่านการลงมือปลูก ตั้งแต่ขั้นตอนเพาะเมล็ดเอง ปรุงดิน ใส่ปุ๋ย รดน้ำ แต่มันคงจะดียิ่งขึ้นหากการปลูกผักสวนครัว ช่วยเสริมสร้างทัศนียภาพให้รอบบ้านสดใส น่ามอง ไม่ต่างจากสวนสวยที่นิยมกัน คุณโต้ง ศุภกิจ มีลาภ นักจัดสวนจากสุขเย็นการ์เด้น เป็นอีกหนึ่งนักออกแบบที่เคยฝากผลงานจัดสวนสวยกินให้ได้ชมกันนั้น ได้บอกทริคในการจัดสวนครัวให้เป็นสวนสวยไว้ว่า “หลักการจัดสวนครัว ต้องดูว่าตัวเราชอบสวนกินได้ประเภทไหน พื้นที่ที่มีมันสามารถปลูกจริงได้ไหม เพราะต้องมีแสงก่อนเป็นอันดับแรก ผักส่วนมากจะต้องการแสงอย่างน้อยครึ่งวันหรือเกือบทั้งวัน จากนั้นก็เป็นเรื่องของการออกแบบทั้งเรื่องของทางสัญจรเข้าออก พื้นที่ทำกิจกรรมในสวน หรือมุมเก็บของเก็บอุปกรณ์ในสวน เพื่อการใช้งานที่คล่องตัว” “จากนั้นก็เป็นเรื่องของการจัดวางต้นไม้ เราสามารถใช้ผักจัดสวนให้สวยงามได้ โดยพิจารณาจากระดับความสูงของต้นไม้แต่ละชนิด สีและรูปทรงของใบ เพื่อให้จัดองค์ประกอบที่เข้ากันได้ดี ลักษณะความเข้ากันของผัก เช่นชอบน้ำชอบแสงในปริมาณใกล้ๆ กัน ก็สามารถเลือกปลูกให้อยู่ในแปลงเดียวกันได้ อย่างพืชในกลุ่มสมุนไพรฝรั่งมักจะชอบปริมาณน้ำเหมือนๆ กันก็สามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกันได้ และไม่ลืมคิดถึงฟอร์มต้นตอนที่พืชผักเติบโตด้วย เพราะผักบางชนิดมันเลื้อยเร็วมาก อาจจะเลื้อยคลุมต้นอื่นๆ จนเกิดความไม่สวยงามได้” คุณโต้งเล่าเพิ่มเติมว่าการออกแบบสวนผักก็ไม่ต่างจากสวนสวย มีที่ต่างกันเพียงน้อยนิดในเรื่องของสีสันที่ได้จากไม้ดอก ซึ่งจะทำให้สวนดูมีมิติที่น่าสนใจขึ้น แต่ผักส่วนใหญ่มักจะมีโทนสีเดียว สิ่งสำคัญจึงต้องเป็นเรื่องของการจัดวางกลุ่มพืชผัก และใช้งานดีไซน์ของฮาร์สเคป อย่างวัสดุทำแปลงผักที่โดดเด่น แข็งแรงทนทาน และการออกแบบพื้นที่สวนป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังด้วย “สิ่งสำคัญในการจัดสวนครัวในเมืองคือเรื่องของการระบายน้ำ พื้นที่ในเมือง จะแฉะ น้ำท่วมขังได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่ผักที่ปลูกจะไม่ชอบน้ำที่ท่วมขัง […]
ผักบางชนิดที่เราต่างคุ้นหน้าคุ้นตา อย่างบรอกโคลี ผักสลัด เคล ต่างก็เป็นผักเมืองนอกที่ปลูกได้ในไทย ซึ่งบางครั้งถูกเข้าใจผิดว่าขั้นตอนการปลูกจะยุ่งยาก หรือมีเทคนิคพิเศษมากกว่าการปลูกผืชผักทั่วๆไป แต่อาจารย์เติ้ล เกศศิรินทร์ แสงมณี วิทยากรของบ้านและสวน Classroom บอกไว้ว่า การปลูกผักนอก ทำได้ง่ายกว่าที่คิด “ก่อนปลูกผักทุกชนิด เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช มี 2 ปัจจัยหลักๆ คือด้านพันธุกรรม และที่เกิดจากสภาพแวดล้อม ด้านพันธุกรรมจะแสดงออกมาตามพันธุ์ผัก ชนิดผักที่เราปลูก ส่วนปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ได้แก่ แสง น้ำ ดิน ที่สำคัญมากคือเรื่องของแสง ผักเกือบทุกชนิดต้องการแสงเพื่อการเจริญเติบโต ยิ่งได้แสงในช่วงเช้า ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น ยาวนานประมาณ 6 ชั่วโมง ผักจะเติบโตได้ดี กอพุ่ม ใบใหญ่ ไม่มีลักษณะยืดไปหาแสง สังเกตุได้ง่ายๆ คือหากเห็นความยาวของข้อปล้องแสดงว่าแสงไม่เพียงพอ” ส่วนอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ น้ำ หากน้ำไม่เพียงพอ ผักจะเกิดอาการขอบใบไหม้ แสดงออกมาได้ชัดเจน การปลูกผักจึงควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เวลารดน้ำสามารถรดได้ทั้งเช้าและเย็น สำคัญคือตอนเช้าที่ต้องรดให้ชุ่ม ซึ่งช่วงเช้ามีความสำคัญในการเจิรญเติบโตของพืชมาก ทั้งนี้อาจารย์เติ้ลแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องของการรดน้ำช่วงกลางวัน ที่จริงแล้วสามารถทำได้ แต่ต้องรดลงดินเป็นหลัก […]
