- Home
- Pets
Pets
แมวกวัก นำโชค หรือ มาเนะคิเนโคะ (maneki-neko)
ความเชื่อแบบแมว แมว …. แมวกวัก นำโชค “มาเนะคิเนโคะ” ที่ใครหลายคนเคยเห็น ได้ยิน หรือชื่นชอบ แต่จะมีใครรู้ความหมายที่แท้จริงของเจ้าแมวกวักนี้บ้าง เรามาทำความรู้จักกับ มาเนะคิเนโคะ แมวกวักนำโชค กันดีกว่าค่ะ หลังจากที่พี่ฮอลล์ไปเที่ยวงาน The Cat Society ที่ Museum Siam กลับมา นอกจากความสนุกสนานก็ได้ความรู้เกี่ยวกับน้องแมวมามากมายทีเดียว เนื่องจากแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ผูกพันใกล้ชิดกับมนุษย์มายาวนาน จึงมีความเชื่อเกี่ยวกับแมวทั่วโลก ซึ่งความเชื่อเป็นรากฐานแห่งความศรัทธาในความหมายต่อสิ่งนั้น ๆ ว่าเป็นความจริง ไม่ว่าจะในด้านดีด้านร้าย ความเชื่อบางอย่างอาจสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน ตอนที่ยังไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่มีการพิสูจน์ถึงความจริงของเรื่องนั้น ๆ เช่น อียิปต์โบราณ บูชาแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพเจ้าแห่งความรักและความอุดมสมบูรณ์ โรมันโบราณ แมวเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและอิสรภาพ อารเบียโบราณและอินเดียเชื่อว่าแมวป้องกันงู ส่วนยุโรปนั้นแมวเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจและมีพลังด้านมืดเหมือนแม่มดหรือซาตาน และทำหน้าที่ขนย้ายวิญญาณคนตายสู่นรก นอกจากนี้ยังเชื่อว่าหากนำแมวมาวางบนท้องของหญิงตั้งครรภ์ จะช่วยลบหูดหรือไฝฝ้าออกจากใบหน้าของเด็กได้ ประเทศอังกฤษเชื่อว่าแมวจะสูบลมหายใจของเด็กทารก เพราะอิจฉาเด็กน้อยที่มาลดความสำคัญและสังเกตพฤติกรรมแมวทำให้พยากรณ์อากาศได้ สก็อตแลนด์และไอร์แลนด์เชื่อว่าแมวดำที่มีลายสีขาวบนหน้าอก สามารถขโมยวิญญาณของมนุษย์ได้ เป็นต้น ส่วนไทยและพม่า เชื่อว่าแมวดำกระโดดข้ามศพของคนตายก็จะทำให้วิญญาณกลับมาเข้าร่างและฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และไทยยังเชื่อว่าแมวติดต่อกับเทพยดาได้ในพิธีขอฝนด้วยการแห่นางแมว บางบ้านเชื่อเรื่องความโชคดี มีคำกล่าวว่า แมวมาหา […]
การปั๊มหัวใจ หรือ CPR สัตว์เลี้ยง (Cardiopulmonary Resuscitation)
การเรียนรู้วิธีการทำปฏิบัติการกู้ชีพ “การปั๊มหัวใจ” หรือ CPR สัตว์เลี้ยง สามารถช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงได้เบื้องต้น เมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการหยุดหายใจ และชีพจรหยุดเต้น เพื่อให้เลือดไหลเวียนนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะสมองและหัวใจ ก่อนนำส่งถึงมือสัตวแพทย์ต่อไป เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินขั้นตอนแรกในการทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือ CPR สัตว์เลี้ยง คือการตรวจสอบว่าสัตว์เลี้ยงยังหายใจอยู่หรือไม่ ด้วยการวางมือหรือแก้มของคุณใกล้กับจมูกของสัตว์ แล้วสัมผัสถึงอากาศหรือลมหายใจ แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจให้นำสำลีหรือผ้าบาง ๆ มาอังที่จมูก พร้อมสังเกตบริเวณหน้าอกว่ากำลังขยับขึ้นลงหรือไม่ เพื่อประเมินความจำเป็นในการทำ CPR หากต้องทำ CPR สัตว์เลี้ยง อย่างเร่งด่วน ให้เจ้าของทำการตรวจสอบชีพจรของสัตว์เลี้ยง ด้วยการกดนิ้วลงเบา ๆ ที่บริเวณด้านบนตรงกลางอุ้งเท้าขนาดใหญ่ของสัตว์เลี้ยง หรือบริเวณข้างล่างขาหลังด้านใน เพื่อสัมผัสถึงชีพจรหรือเส้นเลือดแดง (femoral artery) หรือจะให้ง่ายที่สุดคือการใช้ฝ่ามือคลำตรง “ตำแหน่งหัวใจของสัตว์เลี้ยง” โดยใช้นิ้วหัวแม่มือวางบนหน้าอกด้านหนึ่ง และใช้อีก 4 นิ้ว วางบนหน้าอกอีกด้าน หัวใจจะอยู่ด้านหลังข้อศอกบริเวณกลางอก ถ้าสัตว์เลี้ยงไม่หายใจและไม่มีชีพจร คุณสามารถข้ามการกดหน้าอกไปที่การช่วยหายใจได้เลย * การทำปฏิบัติการกู้ชีพ หรือ CPR สัตว์เลี้ยง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า สัตว์เลี้ยงไม่มีเลือดออก […]
โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น
โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic syndrome) เป็นกลุ่มโรคของสุนัขและแมวที่มีจมูกสั้น เกิดปัญหาที่บริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น (Upper airway abnormalities) โดยการตั้งชื่อ โรคระบบทางเดินหายใจผิดปกติของสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น หรือ Brachycephalic syndrome มาจาก Brachy หมายถึงสั้น และ Cephalic หมายถึงส่วนหัว เนื่องจากมีลักษณะกะโหลกศีรษะขนาดใหญ่แต่สั้นแบน ทำให้โครงสร้างของหน้า จมูก และปากสั้น นอกจากนี้ยังสามารถเรียกชื่อโรคทางภาษาอังกฤษได้อีกหลายแบบ ได้แก่ Brachycephalic respiratory syndrome, Brachycephalic airway obstructive syndrome หรือ Congenital obstructive upper airway disease เป็นต้น องค์ประกอบของการเกิดโรค Brachycephalic syndrome เกิดจากความผิดปกติจากหลายองค์ประกอบ สามารถพบความผิดปกติได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดความผิดปกติร่วมกัน ซึ่งจะทำให้การหายใจเข้าไปยังปอดเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยลักษณะความผิดปกติที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวสัตว์ได้ มีดังนี้ ความผิดปกติที่สามารถพบได้บ่อยในสุนัขและแมวพันธุ์หน้าสั้น รูจมูกตีบแคบ (Stenotic nares) เป็นการเจริญผิดปกติของรูจมูก ทำให้มีรูแคบหรือยุบแฟบเข้าไปเมื่อหายใจเข้า ทำให้สัตว์หายใจติดขัดเนื่องจากมีปัญหารูจมูกตีบแคบ เพดานอ่อนยาวกว่าปกติ […]
ปฏิทินบ้านและสวน Pets 2021 พร้อมวันสำคัญเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
ปี 2020 สุดโหดกำลังจะผ่านพ้นไป หวังว่าปี 2021 จะใจดีกันสักหน่อย ซึ่งสำหรับปี 2021 นี้ บ้านและสวน Pets ก็ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ท่านและสมาชิกทุกคนครอบครัว ทั้ง 2 และ 4 ขา ได้พบเจอแต่ความสุขความเจริญ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนา สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ และพิเศษสุด ๆ เพราะ ในปีนี้ บ้านและสวน Pets ได้เอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงเป็นปีแรก ด้วยปฏิทินภาพสัตว์น่ารัก ๆ ให้โหลดไปใช้จดบันทึกทุกช่วงวันเวลาดี ๆ นอกจากนี้ เรายังได้รวบรวม วันสำคัญเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไว้ เพื่อไม่ให้ให้ทาสทั้งหลายพลาดโอกาสในการปรนเปรอเจ้านายแบบสุดพิเศษในทุกวันสำคัญกันอีกด้วย เรียกได้ว่าขอเอาใจทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงกันไปเลยจ้า มกราคม (JANUARY) JAN 2 Happy Mew Year for Cats Day JAN 5 National Bird Day JAN […]
7 ขั้นตอน ถ่ายภาพแมวอย่างมืออาชีพ (The PURR-FECT Cat Photos)
เมื่อเจ้านายทั้งหลายทั้งแสนซน คล่องแคล่ว และว่องไวเป็นที่หนึ่ง การที่จะทาสอย่างเราจะ ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมว หรือ บันทึกภาพความน่ารักในอิริยาบถต่าง ๆ ได้ทันท่วงที นั้นก็เป็นเรื่องที่แสนจะยากลำบากเสียเหลือเกิน บางครั้งก็ต้องหาจังหวะเหมาะ ๆ กดถ่ายภาพทีเผลอแบบรัว ๆ หรือไม่ ก็ต้องแอบถ่ายในช่วงเวลาที่เจ้าแมวเหมียวนั้นนอนหลับฝันหวาน แต่ภาพสวย ๆ จะถูกบันทึกไว้ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะ วันนี้ บ้านและสวน Pets มี 7 ขั้นตอนง่าย ๆ เพื่อการ ถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง อย่างมืออาชีพ มาแนะนำกันค่ะ 1.ใช้แสงธรรมชาติ และพื้น/ฉากหลังที่ดี แน่นอนว่าภาพที่เป็นธรรมชาติ ต้องการบรรยากาศที่สวยงาม มีแบคกราวน์ หรือพื้น / ฉากหลังที่ดี ที่จะช่วยให้นางแบบ – นายแบบตัวน้อยดูโดดเด่นบนภาพถ่ายมากยิ่งขึ้น แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกด้วยนะคะ ต่อมาคือ การเลือกใช้แสง โดยแสงธรรมชาติย่อมจะดีกว่าการจัดแสง เพราะ ภาพที่ได้จะมีความละมุน ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป ยิ่งสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวนุ่ม ขนฟูด้วยแล้ว แสงธรรมชาติในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะดีที่สุด รวมถึงควรงดใช้แฟลชที่อาจก่อให้เกิดเอฟเฟกต์ต่าง ๆ […]
พุดเดิ้ล (Poodle) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ มีแนวคิดว่าสุนัขสายพันธุ์ พุดเดิ้ล (Poodle) มาจากทวีปเอเชีย และหลังจากนั้นหลายศตวรรษต่อมาก็ได้มีการตั้งรกรากในประเทศเยอรมนี โดยในศตวรรษที่ 15 พุดเดิ้ลกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฝรั่งเศส ซึ่งมักมีเพียงราชวงศ์และขุนนางเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสุนัขพันธุ์นี้ ในขณะนั้นสุนัขสายพันธุ์พุดเดิ้ลถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท (ทั้งหมดเป็นสายพันธุ์แท้ ซึ่งหมายความว่าพวกมันไม่ได้ผสมพันธุ์กับสุนัขสายพันธุ์อื่น เพื่อสร้างความแตกต่าง) ได้แก่ พุดเดิ้ล สแตนดาร์ด (Standard Poodle), พุดเดิ้ลขนาดกลาง (Mid-Sized Poodle) และพุดเดิ้ล มินิเจอร์ (Miniture Poodle) ปัจจุบันพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์สามารถพบได้บ่อยที่สุดแต่พุดเดิ้ล สแตนดาร์ดจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า หลายปีผ่านไปพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดเริ่มถูกใช้เพื่อการล่าเป็ด พวกมันเป็นสุนัขล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากมีความฉลาดและมีความแข็งแรง ด้วยความฉลาดนี้จึงทำให้พวกมันแตกต่างจากสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ ทำให้คณะละครสัตว์เริ่มฝึกพวกมันให้แสดงโชว์ ชนชั้นสูงของประเทศฝรั่งเศสเริ่มนำพวกมันมาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนในที่สุดพวกมันก็ได้รับการพัฒนาจนมีชื่อเสียง หลังจากนั้นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลก็ได้กลายมาเป็นสุนัขประจำชาติของประเทศฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาพุดเดิ้ลได้อพยพไปพร้อมกับชาวอาณานิคมเริ่มแรกและได้รับการยอมรับจาก AKC ในปีค. ศ. 1887 (รวมกันเป็นสายพันธุ์เดียวถึงแม้ว่าจะมีพุดเดิ้ล สแตนดาร์ดและพุดเดิ้ล มินิเจอร์รวมอยู่ด้วยก็ตาม) นอกจากนี้พุดเดิ้ลยังเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของสุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอีกด้วย […]
เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ เชทแลนด์ ชีพด็อก (Shetland Sheepdog) มีต้นกำเนิดมาจากเกาะเกาะเชทแลนด์ (Shetland Islands) ของประเทศสกอตแลนด์ โดยมีลักษณะที่สามารถทำงานหนักได้ มีความฉลาดและซื่อสัตย์ แต่ก่อนเชทแลนด์ ชีพด็อกถูกใช้เพื่อต้อนและปกป้องฝูงแกะ พวกมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรและคนเลี้ยงสัตว์ ต่อมาเชื่อกันว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกเป็นลูกผสมระหว่าง สุนัขพันธุ์คอลลี่ กับ สุนัขขนาดเล็กบางชนิด เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง ในช่วงปี 1800 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้เดินทางไปยังประเทศสกอตแลนด์และประเทศอังกฤษ โดยพวกมันยังคงทำหน้าที่ในการเป็นสุนัขต้อนสัตว์เช่นเคย ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกมันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีขนาดเล็กกระทัดรัดและมีความชำนาญในการต้อนสัตว์ ถึงแม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะเป็นที่รักของใครหลาย ๆ คนแต่สุนัขสายพันธุ์นี้ ทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันอย่างมากทั้งในอังกฤษและอเมริกา ผู้เพาะพันธุ์หลายคนและเจ้าของไม่สามารถตกลงกันได้ว่าเชทแลนด์ ชีพด็อกควรจะมีลักษณะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทำให้สโมสรและองค์กรที่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งในปี 1930 กลุ่มเหล่านี้ก็สามารถตกลงร่วมกันเกี่ยวกับลักษณะของเชทแลนด์ ชีพด็อกตามที่ต้องการได้ ช่วงต้นในปี 1970 เชทแลนด์ ชีพด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันติดอันดับ 1 ใน 10 ของสายพันธุ์สุนัขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกา จนกระทั่งทุกวันนี้เชทแลนด์ ชีพด็อกก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของคนในครอบครัว เนื่องจากพวกมันมีความซื่อสัตย์และความแข็งแรง ลักษณะทางกายภาพ ขนและสีขน เชทแลนด์ ชีพด็อก […]
บาเซนจิ (Basenji) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ บาเซนจิ (Basenji) ได้รับชื่อเล่นว่า สุนัขที่ไม่ค่อยเห่า (the barkless dog) เนื่องจากโดยธรรมชาติของ บาเซนจิ เป็นสุนัขที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยส่งเสียง และถือเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีความเกี่ยวข้องทั้งในประเทศแอฟริกาและอียิปต์ ซึ่งสุนัขพันธุ์บาเซนจิตัวแรกที่ถูกนำไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งแรก ในฐานะของขวัญจากสมเด็จฟาร์โรแห่งแม่น้ำไนล์ ในปี 1940 บาเซนจิ นิยมใช้ในการฝึกทักษะในการล่า สุนัขสามารถใช้ทักษะสัญชาตญาณในการตามล่าหาชนเผ่าและพลเมืองยุคแรก ๆ เนื่องจากความถนัดในด้านการล่าทำให้สุนัขพันธุ์นี้ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ และในปัจจุบันสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่จดจำ เนื่องจากมีลักษณะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากพันธุ์อื่น คือ หน้าผากเหี่ยวย่น, หางม้วนงอ, และมีดวงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน นอกจากนี้สุนัขบาเซนจิยังเป็นสุนัขที่มีความเป็นมิตรและฉลาดอีกด้วย ลักษณะทางกายภาพ สุนัข บาเซนจิ จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดเล็ก แต่มีความสง่างาม มีขนสั้น, หูตั้ง, หางม้วนงอขนาดเล็ก และมีคอที่สวยงาม บางคนมองว่าลักษณะของสุนัขบาเซนจิคล้ายกับกวางขนาดเล็ก นอกจากนี้ สุนัขพันธุ์นี้ยังมีบริเวณหน้าผากที่เหี่ยวย่นโดยเฉพาะในตอนเด็กและ ตอนที่แก่มาก ๆ และมีรูปทรงตาคล้ายกับเมล็ดแอลม่อน ทำให้สุนัขมีลักษณะดูเคร่งครึม น้ำหนักเฉลี่ยของสุนัขบาเซนจิ ประมาณ 11 กิโลกรัม และสูงประมาณ 40.6 เซนติเมตร […]
เชาเชา (Chow Chow) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ เชาเชา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเชา ถือเป็นสุนัขอีกหนึ่งพันธุ์ที่มีเชื้อสายยาวนาน เชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศมองโกเลีย และถือเป็นสุนัขประจำเผ่าสำหรับใช้งานการล่าสัตว์ โดยสุนัขพันธุ์เชาเชาถูกพูดถึงตั้งแต่ในช่วง 206 ปีก่อนคริสตศักราช ในช่วงราชวงศ์ฮั่น สายพันธุ์นี้ยังถือเป็นตำนานของประเทศจีน คือ ลิ้นของเชาเชาจะมีสีเทาดำ เชื่อว่าเกิดจากการเลียชิ้นส่วนของท้องฟ้าเมื่อโลกถูกสร้างขึ้นครั้งแรก อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์เชาเชายังไม่ได้ถูกตั้งชื่อนี้ จนกระทั่งมีพ่อค้าชาวอังกฤษนำสุนัขรูปร่างหมีบางตัวเข้าไปในตู้สินค้าในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำสุนัขออกนอกประเทศ ทำให้ชื่อเชาเชา (Chow chow) ที่เป็นคำแสลงของการขนส่งสินค้าแบบสุ่ม และจากการที่สุนัขเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ดเชาเชา จึงถูกเรียกด้วยชื่อนี้เรื่อยมา ในช่วงปลายศตรรษที่ 19 ได้มีการก่อตั้งสมาคมสุนัขพันธุ์เชาเชาขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งสายพันธุ์นี้ได้ถูกกล่าวขานว่ามีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจากบรรพบุรุษ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการนำเข้าสุนัขพันธุ์เชาเชาเข้ามาในประเทศ และได้รับการจดทะเบียนจากสาคม AKC ในปี 1903 เนื่องจากความมีเสน่ห์ และลักษณะที่น่าจดจำ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนทั่วไปและกลุ่มคนดัง และยังคงได้รับความนิยมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ลักษณะทางกายภาพ สุนัขพันธุ์เชาเชามีลำตัวเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีกระโหลกขนาดเล็ก มีหูขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมที่ส่วนปลายโค้งมน และสายพันธุ์นี้มีขน 2 ชั้นซึ่งประกอบด้วยทั้งขนเรียบและขนหยาบ โดยขนจะหนาเป็นพิเศษบริเวณคอ ทำให้มีลักษณะที่โดดเด่นคล้ายกับแผงคอ ซึ่งสีของขนมีทั้งหมด 5 สี ไม่ว่าจะเป็น […]
อิงลิช บูลล์ด็อก (English Bulldog) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นชื่อสามัญของสุนัขสายพันธุ์ที่เรียกว่า อิงลิช บูลล์ด็อก หรือ บริติช บูลล์ด็อก โดยบูลล์ด็อกสายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ อเมริกัน บูลล์ด็อก และเฟรนช์ บูลล์ด็อก โดยต้นกำเนิดของสายพันธุ์บูลล์ด็อกนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่หลายคนเชื่อว่า บูลล์ด็อกมาจากเกาะอังกฤษ โดยคำว่า “บูล (bull)” ในชื่อนั้นมาจากการที่พวกมันตกเป็นเหยื่อของกีฬาที่โหดร้ายอย่างกีฬาการต่อสู้กับวัว ตั้งแต่กีฬาถูกห้ามในปี 1835 บูลล์ด็อกได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านที่เป็นที่ชื่นชอบ เนื่องจากมีความซื่อสัตย์และมีอารมณ์สงบนิ่ง ภายในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาสายพันธุ์บูลล์ด็อกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบูลล์ด็อกมีลักษณะเฉพาะตัวโดยเป็นสุนัขที่รูปร่างตันขาสั้นมีกล้ามเนื้อแข็งแรง มีใบหน้าเหี่ยวย่นและมีลักษณะเด่นของจมูกที่หุบเข้าไปในใบหน้า โดยมี The American Kennel Club (AKC), The Kennel Club (UK) และ United Kennel Club (UKC) คอยทำหน้าที่ในการดูแลมาตรฐานการปรับปรุงพันธุ์ ลักษณะทางกายภาพ บูลล์ด็อก (English Bulldog) เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีลักษณะไหล่หนาและหัวที่เข้าคู่กัน โดยทั่วไปจะมีผิวหนังที่หนาบริเวณคิ้ว ตามด้วยตาที่กลมโตสีดำ ปากสั้นและจมูกมีลักษณะคล้ายเชือกพับซ้อนกันเป็นชั้นอยู่เหนือจมูก […]
เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย (West Highland White Terrier) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย หรือมีชื่อที่รู้จักกันว่าเวสตี้ (Westie) มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศสกอตแลนด์ (Scotland) มักนำมาเป็นสุนัขนักล่าสัตว์เล็ก เช่น กบ (Foxes), แบดเจอร์ (Badgers), และศัตรูพืช (Vermin) ในปี ค.ศ. 1600 กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศส ได้นำสุนัขพันธุ์นี้เข้ามาในประเทศฝรั่งเศส และได้ขนานนามว่าเป็นสุนัขทำงาน (Earthdog) ในต่อมาได้มีการเลิกนำสุนัขพันธุ์เวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรีย มาเป็นสุนัขนักล่า เพราะสุนัขมีสีขนค่อนข้างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก จึงทำให้นายพรานยิงพลาดบ่อย ๆ สุนัขพันธุ์นี้ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในการล่าสัตว์ ดังนั้นลูกสุนัขที่เกิดขึ้นจะถูกเก็บไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงพลาดไปโดนสุนัขโดยไม่ตั้งใจ จึงนิยมนำสุนัขมาใช้เพื่อควบคุมสัตว์ศัตรูพืช หรือสัตว์ตัวเล็กเช่น กระต่ายป่า ในช่วงแรกของศตวรรษที่ 20 ประเทศอังกฤษ ได้มีการขึ้นทะเบียนสุนัขสายพันธุ์นี้เป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1908 สหรัฐอเมริกา และสมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้จดทะเบียนสายพันธุ์จัดอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์เทอร์เรีย […]
มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ (Miniature Schnauzer) ลักษณะสายพันธุ์และนิสัย
ประวัติสายพันธุ์ สุนัขพันธุ์ มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก พบครั้งแรกในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 19 ที่ประเทศเยอรมนี (Germany) เป็นสุนัขที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ (Standard Schnauzer) กับสุนัขพันธุ์แอฟเฟนพินเชอร์ (Affenpinscher) ถูกนำมาใช้เป็นสุนัขล่าหนู (Rat hunter) ในฟาร์มเยอรมัน รวมถึงนำมาใช้คุมฝูงสัตว์ในฟาร์ม มักใช้งานคู่กับสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด (German shepherd) และสุนัขพันธุ์นี้มีความสามารถในการได้ยินเสียงในระยะไกล สามารถระบุตำแหน่งของเสียงที่ได้ยินได้ ในปี ค.ศ. 1899 สุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ได้ถูกแยกออกจากกลุ่มสุนัขพันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์มินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ มีหน้าตาที่เคร่งขรึม ดูไม่เป็นมิตรแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ในปี ค.ศ. 1933 สมาคม The American Kennel Club (AKC) ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง 2 สายพันธุ์ คือพันธุ์สุนัขมินิเอเจอร์ ชเนาเซอร์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเทอร์เรีย (Terrier group) และสุนัขพันธุ์พันธุ์สแตนดาร์ดชเนาเซอร์ […]