แต่งบ้านด้วยสีสัน เติมความสดใสให้มุมทำงาน

เติมบรรยากาศสนุกสนาน ด้วยการ แต่งบ้านด้วยสีสัน และการจัดระเบียบพื้นที่ทำงานเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องรื้อโต๊ะเพื่อลงมือทาผนังใหม่ทั้งผืน เพียงแค่แต้มสีลงไปที่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ก็เปลี่ยนบุคลิกของห้องทั้งห้องได้แล้ว

เปลี่ยนโต๊ะทำงานให้กลายเป็นมุมสนุก

สีสันจัดจ้านแต่ยังคงความสบายตา

• คุมสัดส่วนสี การ แต่งบ้านด้วยสีสัน โดยที่ไม่รู้สึกว่าสีแน่นจนเกินไป ควรเลือกใช้สัดส่วน 60 : 30 : 10 โดยสัดส่วนสีที่มากที่สุดจะกำหนดภาพรวมของห้องว่าให้เป็นโทนใด ซึ่งอาจใช้โทนสีกลาง เช่น สีขาว สีเทา จากนั้นจึงลดหลั่นสัดส่วนของคู่สีที่จะนำมาตกแต่ง ซึ่งสัดส่วนนี้สามารถนำมาใช้กับเทกซ์เจอร์เพื่อสร้างมิติได้เช่นกัน
• เลือกเติมสีสัน เพิ่มเข้าไปตามองค์ประกอบที่ถอดมาปรับปรุงสีใหม่ได้ เช่น ประตู หน้าต่าง แผงอุปกรณ์  โดยเลือกใช้สีที่ช่วยเพิ่มพลังและไอเดียในการทำงาน เช่นสีเหลืองที่ให้ความรู้สึกร่าเริงเป็นมิตร และตัดด้วยสีเขียวสักเล็กน้อยเพื่อสร้างความรู้สึกชุ่มชื่น

จัดระเบียบอุปกรณ์ เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ไอเดีย

• เพิ่มพื้นที่โต๊ะทำงาน ด้วยการยกอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ ไปจัดเก็บเป็นแนวตั้งบนแผงแขวนเครื่องมือช่างสีสันสดใส โดยเลือกใช้แผงเหล็กชุบเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งติดภาพไอเดียน่าสนใจด้วยหมุดแม่เหล็ก แปะโน๊ตกันลืม ห้อยกล่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีน้ำหนักได้
• เปลี่ยนผนังว่างเป็นกระดานผืนใหญ่ โดยอาจติดกระดานไวต์บอร์ดอย่างง่าย หรือทาผนังด้วยสีที่มีคุณสมบัติเขียนแล้วลบได้คล้ายไวต์บอร์ด แต่หากเน้นการใช้งานที่ยาวนาน แนะนำให้ใช้กระจกไวต์บอร์ดผิวมันวาวที่มีความคงทน และให้ความรู้สึกกึ่งของใช้งานกึ่งของตกแต่งที่ช่วยเสริมลุคโมเดิร์นให้กับห้อง แถมยังเลือกสีสันได้หลากหลายตามความชอบ วัดขนาดแล้วให้ช่างเข้ามาติดตั้งด้วยกาวตะปูหรือยึดด้วยสกรูก็เสร็จเรียบร้อย

ใช้แสงไฟสร้างความกะปรี้กะเปร่า

ใช้โคมไฟแบบอินดัสเทรียลที่ปรับได้ ประหยัดพื้นที่ ไม่เกะกะเมื่อนำมาใช้กับโต๊ะทำงานขนาดเล็ก โดยเติมความสนุกลดภาพจริงจังด้วยสีสันสุดจี๊ด ใช้คู่กันกับโคมไฟหลักที่ช่วงเสริมลุคโมเดิร์นให้กับห้อง

• หลอดไฟ เลือกใช้แสงแบบเดย์ไลท์ที่ช่วยขับความโดดเด่นของสีสัน สร้างความสดชื่น ตื่นตัว นอกจากนี้ยังมีสีที่ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติ เหมาะกับงานที่ต้องการสีที่แม่นยำ เช่น งานศิลปะ กราฟฟิก งานออกแบบต่างๆ ซึ่งนอกจากสีของหลอดไฟแล้ว การมองหาหลอดไฟที่มีดัชนีค่าวัดความถูกต้องของสีสูงๆ ก็จะช่วยให้แสงที่ได้สมจริงขึ้น

ดัชนีวัดค่าความถูกต้องของสี ( Color Rendering Index หรือ Ra ) หรือค่า CRI เป็นค่าที่บ่งบอกความถูกต้องของสีวัตถุเมื่อโดนแสง ซึ่งระบุไว้ที่ข้างกล่องหลอดไฟเป็นตัวเลข 0-100 โดยค่าความถูกต้องที่ยอมรับได้สำหรับการใช้ในบ้านพักอาศัยอยู่ที่ 80 ขึ้นไป ส่วนงานที่ต้องการความสมจริงของสี เช่น งานถ่ายภาพ คลินิก โชว์รูมสินค้า จะเหมาะกับหลอดไฟที่มีค่าตั้งแต่ CRI 95 – 100