ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง ตั้งแต่เพาะเมล็ดจนเก็บเกี่ยวผลผลิต
หน่อไม้ฝรั่ง พืชพื้นเมืองจากแถบยุโรป ที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย มีรสชาติหวานกรอบอร่อย หากใครที่เคยซื้อจะรู้เลยว่ามีราคาแพง แต่รู้ไหมเราว่าสามารถ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง ไว้ตัดกินที่บ้านได้
ซึ่งการ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง ให้ออกหน่อและ ตัดไว้ทานที่บ้านได้นั้น ก็ต้องรู้จักวิธีการปลูกอย่างเหมาะสม ตั้งแต่การเพาะเมล็ด การผสมวัสดุปลูก ศัตรูพืชที่ต้องระวัง รวมถึงรู้จักการพักตัวเพื่อไม่ให้หน่อไม้ฝรั่งโทรมไว พอทำเป็น ก็จะรู้ว่าไม่ยากอย่างที่คิด
ชื่อวิทยาศาสตร์ของหน่อไม้ฝรั่ง คือ Asparagus officinalis เป็นพืชพื้นเมืองทางแถบยุโรป และ แอฟริกา หน่อไม้ฝรั่งสามารถปลูกโดยใช้เมล็ด หรือ ปลูกโดยการแยกหน่อ ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นเหง้า ที่สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นต้นเหนือดินได้ ลำต้นกลม มีกิ่งแขนงแตกออกโดยรอบ ใบมีขนาดเล็กเป็นเส้น มีทั้งรากหาอาหาร และ รากสะสมอาหาร
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ คือ ส่วนของหน่ออ่อนเหนือดิน ที่มีลักษณะคล้ายหน่อไม้แต่มีขนาดเล็กกว่า หน่อไม้ฝรั่งที่มักจะพบเห็นตามท้องตลาดจะมีสีเขียว สีม่วง และ สีขาว ซึ่งหน่อสีขาวเป็นหน่อที่ได้จากการพูนดินบริเวณโคน ทำให้หน่อไม่ได้รับแสง จึงมีสีขาวซึ่งจะมีราคาสูงว่าหน่อสีเขียว
ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม สามารถปลูก และ เก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่งได้ตลอดทั้งปี โรคและแมลงที่จะเข้าทำลายมีน้อย เมื่อเทียบกับพืชผักชนิดอื่นๆ แต่การปลูกหน่อไม้ฝรั่งให้ได้ผลผลิตดีนั้นต้องมีความรู้ และ ต้องศึกษาเกี่ยวกับหน่อไม้ฝรั่งพอสมควร ตั้งแต่เริ่มปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว
วิธีการเริ่มต้นปลูกหน่อไม้ฝรั่งจากเมล็ด
เริ่มจากการเตรียมดิน หรือ เตรียมวัสดุปลูกในการเพาะเมล็ด โดยทั่วไปจะใช้ดินร่วนผสมกับทราย และ ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว หรือ จะพีทมอสเป็นวัสดุเริ่มต้นในการเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดจะหยอดเมล็ดหน่อไม้ฝรั่งลงถาดเพาะ หลุมละ 1-2 เมล็ด แล้วกลบเมล็ดเพื่อป้องกันการกระเด็นออกนอกถาดเพาะเวลารดน้ำ ตั้งไว้ในที่ร่มหรือร่มรำไร อย่าให้ได้รับแสงแดดจัดในช่วงการเพาะเมล็ด รดน้ำทุกวันให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ เมล็ดหน่อไม้ฝรั่งจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 10-20 วัน เมื่อต้นกล้ามีความสูง 15-20 เซนติเมตร หรือประมาณ 45 วัน สามารถทำการย้ายปลูกได้
ดินที่ใช้ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง
ดินที่ใช้ปลูกหน่อไม้ฝรั่งควรเป็นดินร่วนที่ผสมปุ๋ยคอกหรือดินร่วนที่ผสมแกลบดิบ ปุ๋ยคอก และ แกลบดิบที่นำมาผสมกับดินปลูกจะต้องผ่านการหมักมาแล้ว เพื่อให้ธาตุอาหารที่อยู่ในปุ๋ยหมัก และ แกลบดิบพร้อมสำหรับให้ต้นหน่อไม่ฝรั่งนำไปใช้เลี้ยงลำต้น
หน่อไม้ฝรั่งจะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี ไม่ชอบดินที่มีน้ำท่วมขัง ค่าความเป็นกรดด่างของดินประมาณ 6.0-7.0 และ ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่มีความเป็นกรด
การย้ายปลูกต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่ง
หลังจากที่ต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่งพร้อมที่จะย้ายปลูก ควรย้ายปลูกลงกระถางขนาด 6 หรือ 8 นิ้ว เพื่อเลี้ยงให้ต้นมีความแข็งแรงก่อน หลังจากย้ายปลูกต้องรดน้ำให้ดินแล้วนำไปวางให้ได้รับแสงเต็มวัน และ เมื่อต้นตั้งตัวได้ดี ก็จะเริ่มแทงหน่อใหม่ขึ้นมา ในระยะนี้สามารถเริ่มให้ปุ๋ยได้ จะให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีก็ได้ แต่จะเน้นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักสูตรเสมอ (15-15-15 หรือ 16-16-16) สลับกับปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นหลักสลับกัน เดือนละ 2 ครั้ง เมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีการเจริญเติบโตดี ก็ย้ายลงปลูกในกระถางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 12-15 นิ้ว เพื่อให้ต้นหน่อไม้ฝรั่งมีการแตกกอที่ดีขึ้น และ พร้อมที่จะเตรียมต้นเพื่อเก็บหน่อ
การ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง ให้ออกหน่ออยู่เสมอ
หลังจากที่ย้ายปลูกลงกระถางได้สักระยะ จะปล่อยให้หน่อไม้ฝรั่งเจริญเติบโตเป็นต้น และ เมื่อต้นยืดยาวขึ้น ควรหาหลักมาค้ำลำต้นไม่ให้ต้นเอนเอียงหรือล้มลง หากต้นล้มพับลงใบอาจเน่าเสียได้ พอต้นหน่อไม้ฝรั่งมีการแตกกอตั้งพุ่มได้แล้ว ต้องทำการตัดแต่งเอาต้นที่มีขนาดเล็กออก ให้เหลือ 4-5 ต้นต่อกอ
การบำรุงต้นหน่อไม้ฝรั่ง ควรหาปุ๋ยอินทรีย์ หรือ ปุ๋ยเคมีใส่เดือนละ 2 ครั้ง จากนั้นพรวนหน้าดินให้มีความโปร่ง เพื่อให้หน่อไม้ฝรั่งแทงหน่อใหม่ขึ้นมาได้ง่าย หลังจากพรวนดินแล้วจะใช้แกลบดิบที่ผ่านการหมักมาโรยบริเวณโคนต้น หรือ โรยลงบนหน้าดินแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วพรวนดินให้มารวมกันรอบๆ โคนต้น หรือที่เรียกว่า การพูนโคน โดยแกลบดิบที่นำมาใช้ควรหมักกับปุ๋ยคอก เพื่อให้มีธาตุอาหารเพิ่มมากขึ้น แกลบที่นำมาโรยหน้าดินจะช่วยให้ดินมีความโปร่ง เพิ่มช่องว่างในดินให้มีการระบายน้ำได้ดีขึ้น
หลังจากนั้นจะรดน้ำทุกวัน และ รดน้ำผสมกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงในทุกสัปดาห์ ก็จะช่วยให้หน่อไม้ฝรั่งแทงหน่อได้ดี หน่อไม้ฝรั่งจะใช้ในการปลูกประมาณ 3-5 เดือนหลังจากย้ายปลูก ก็สามารถทยอยเก็บหน่อมารับประทานได้
การเก็บเกี่ยวและพักต้นหน่อไม้ฝรั่ง
หลังจากย้ายปลูกประมาณ 3-4 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่งได้ โดยทั่วไปจะเก็บเกี่ยวในตอนเช้า ใช้มีดตัดหน่อที่มีความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร ใช้มีดคมๆ ตัดตรงโคนหน่อ ระวังอย่าให้กระทบกระเทือนถึงหน่ออื่นที่กำลังแทงขึ้นมา หลังจากตัดหน่อแล้วต้องพูนดินกลบโคนไว้ให้เรียบร้อยตามเดิม ในช่วงแรกหน่อจะมีขนาดเล็ก และจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในปีถัดไป
เมื่อหน่อไม้ฝรั่งให้ผลผลิตลดลงต้นแม่เริ่มโทรม ควรพักต้นโดยงดการเก็บเกี่ยวและตัดต้นแม่ทิ้งทั้งหมด รอให้หน่อใหม่แทงขึ้นมาและปล่อยให้เจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นก็สามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง ควรเก็บเกี่ยวประมาณ 2 เดือนแล้วพักต้น 1 เดือน สลับกันไป เพื่อให้ต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุการเก็บเกี่ยวที่นานขึ้น
หรือถ้าหากไม่ทำการพักต้น จะเลือกตัดต้นแม่เฉพาะต้นที่เริ่มโทรมออกก่อน 1-2 ต้น แล้วเว้นหน่อใหม่ที่แทงออกมาปล่อยให้เจริญเติบโตเป็นต้นบ้างโดยจะไม่เก็บเกี่ยวหน่อทั้งหมด
โรคและแมลงศัตรูของการ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในกระถาง
โรคลำต้นไหม้ (Stem Blight) มีสาเหตุมาจากเชื้อรา Phomopsis asparagi จะพบอาการของโรคบริเวณลำต้นที่อยู่ใกล้ผิวดินก่อน ลักษณะแผลเป็นรูปกระสวยสีน้ำตาล จากนั้นแผลจะขยายขนาดตามการเจริญเติบโตของพืช ทำให้ลำต้นไหม้และเน่าคอดิน ส่งผลให้ต้นแม่เหลืองและแห้งตายได้ มักระบาดในช่วงฤดูฝนกับการให้น้ำแบบสปริงเกลอร์
การป้องกันกำจัด ถ้าพบต้นที่เป็นโรคให้ถอนไปทำลายทิ้ง ควบคู่กับการใช้ฉีดพ่นด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา และเปิดหน้าดินทิ้งไว้ เพื่อฆ่าเชื้อในดินหลังจากพักต้น
ในส่วนของแมลงศัตรูที่เข้าทำลายหน่อไม้ฝรั่ง ก็มักจะพบกับหนอนกระทู้ผักที่สามารถกัดกินยอดของหน่อไม้ฝรั่งที่แตกออกมาใหญ่จนเกิดความเสียหาย ส่งผลหน่อไม้ฝรั่งเจริญเติบโตผิดรูปได้ นอกจากนี้ยังมีเพลี้ยอ่อนที่ดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นหน่อไม้ฝรั่งจนทำให้ต้นหน่อไม้ฝรั่งเกิดความเสียหายได้อีกด้วย
การป้องกันกำจัด ให้ตัดแต่งส่วนที่เสียหายออกเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาโรคพืชแทรกแซง จากนั้นฉีดพ่นด้วยเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส หรือใช้ไวรัส NPV รวมถึงปล่อยตัวห้ำตัวเบียนที่เป็นศัตรูทางธรรมชาติในการช่วยกำจัดก็ได้เช่นกัน
หน่อไม้ฝรั่งกินดิบได้ไหม
หลายคนคงสงสัยว่าหน่อไม้ฝรั่งสามารถกินดิบได้หรือไม่ คำตอบคือ สามารถกินดิบได้ ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจส่งผลข้างเคียง เช่น ท้องอืดและปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งดิบน้ำมีกลิ่นเหม็นเขียว การปรุงสุกหน่อไม้ฝรั่งสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในหน่อไม้ฝรั่ง แต่ความร้อนที่ปรุงสุกอาจทำให้สูญเสียสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิตามินที่ไวต่อความร้อน เช่น วิตามินซี
เนื่องจากหน่อไม้ฝรั่งเป็นผักที่มีเส้นใยแข็ง และ มีกลิ่นเหม็นเขียว การรับประทานดิบจึงไม่เป็นที่นิยม การปรุงสุกก็จะช่วยให้เส้นใยของหน่อไม้ฝรั่งอ่อนลง ร่างการสามารถดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้ง่ายขึ้นและการปรุงสุกก็ยังลดกลิ่นเหม็นเขียวลงได้
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่ง มีไฟเบอร์สูงมาก กินเข้าไปแล้วจึงรู้สึกอิ่มอยู่ท้องได้นาน อีกทั้งยังเป็นผักที่ให้พลังงานค่อนข้างต่ำ ไฟเบอร์ในหน่อไม้ฝรั่งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ จึงช่วยลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
ด้วยความที่หน่อไม้ฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทั้งกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นเจ้าแห่งสารต้านอนุมูลอิสระทั้งปวง โพลีฟีนอล ที่ขึ้นชื่อเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยลดความเครียด อาการอักเสบ และความเสี่ยงของโรคต่างๆ รวมถึงโรคหัวใจและโรคเบาหวาน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ในหน่อไม้ฝรั่งมีวิตามินที่หลากหลายทั้ง วิตามินซี วิตามินอี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ วิตามินเค ที่เป็นสารช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารและเครื่องดื่มได้ดีขึ้น อีกทั้งวิตามินเคยังดีต่อระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย
เรื่อง : สรวิศ บุณประสพ
แก้ปัญหาดินเค็ม ดินไม่ดี ให้ปลูกผักงาม
พืชผักไม้ผล สินค้าเกษตร GI ในแต่ละพื้นที่ ของดีแต่ละจังหวัด!