flo wolffia ฟาร์มไข่ผำ พืชจิ๋วพลังยักษ์ ดูดซับคาร์บอนให้โปรตีนมากกว่าถั่วเหลือง
คะน้าเคล อาจจะเป็นผักซุเปอร์ฟู้ดที่หลายคนคุ้นเคย แต่รู้หรือไม่ยังมีพืชอีกหนึ่งชนิดที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ไม่เป็นรองผักเคล นั่นคือ ผำ ไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ พืชจิ๋วที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ซึ่งไม่ใช่แค่มีคุณค่าทางอาหารมหาศาล แต่ยังเป็นพืชที่มีส่วนช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย
ลบภาพจำ ไข่ผำ แบบเดิมๆ แล้วมาทำความรู้จักซุเปอร์ฟู้ดที่เพาะเลี้ยงในระบบฟาร์ม ทั้งกระบวนการผลิต ขั้นตอนการวิจัยศึกษาข้อมูล ไปจนถึงการสร้างสรรค์เมนู ครีเอทได้อย่างสร้างสรรค์ สะท้อนถึงความสะอาด ปลอดภัย ภายใต้ระบบการเลี้ยงที่เป็นมิตรกับโลก ซึ่งเป็นจุดเด่นของฟาร์มไข่ผำที่น่าจับตามองในชื่อ flo wolffia
- เคล (Kale) ซุเปอร์ฟู้ด ปลูกได้ตลอดปีแม้มีพื้นที่จำกัด
- ขั้นตอนทำบ่อปลูกแหนแดง พืชน้ำดูแลง่าย ไนโตรเจนสูง
- แทนคุณฟาร์ม เมื่อการทำฟาร์มปศุสัตว์ก็รักษ์โลกได้
flo wolffia เป็นความฝันในวัยเด็กของนักวิจัยหนุ่มที่อยากผลิตอาหารให้กับโลก ซึ่งเขาเล็งเห็นว่า ประชากรโลกหันมาสนใจรับประทานโปรตีนจากพืชมากขึ้น ในขณะที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้น ความต้องการอาหารมากขึ้น แต่การผลิตอาหารกลับได้ผลในทางตรงกันข้าม เพราะสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคุณตั้ม – ดร.เมธา มีแต้ม และ คุณฟุ – ดร.วิษุวัต สงนวล เจ้าของบริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด ได้เล็งเห็นแล้วว่า “ผำ” สามารถตอบโจทย์อาหารในอนาคตได้
ผำ ไข่ผำ ไข่น้ำ เป็นอาหารภูมิปัญญาไทย ซึ่ง flo wolffia ได้สร้างห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงไปจนถึงผลิตเป็นอาหาร และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ไข่ผำ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน ที่เน้นสร้างคุณภาพ ทำให้ทานง่าย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ได้ทานสิ่งที่ดี ภายใต้กระบวนการผลิตได้มาตรฐาน
ที่น่าสนใจคือการเพาะเลี้ยงผำ 1 ไร่ ให้โปรตีนได้มากกว่าถั่วเหลือง 10-30 เท่าในขนาดพื้นที่ปลูกเท่ากัน ผำใช้ทรัพยากร และพื้นที่ในการเพาะเลี้ยงน้อย และยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้มากถึง 3 เท่าของป่าที่สมบูรณ์ในพื้นที่ ๆ เท่ากันด้วย ซึ่ง flo wolffia เป็นฟาร์มแรกๆ ที่เพาะเลี้ยงผำในรูปฟาร์มและมีขั้นตอนการผลิตจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ
“ฟาร์มรักษา อนุรักษ์ ฟื้นชีพ”
“บ้านไหนที่มีบ่อไข่ผำ เหมือนมีทองในบ้าน เพราะสามารถตักกิน ตักขายได้เรื่อยๆ ซึ่งในต่างประเทศเรียกว่า mankai เป็นอาหารจากพระเจ้า”
คุณฟุ เล่าว่า “ผำ เนี่ยเห็นเล็กๆ แบบนี้ เขามีคุณค่าทางโภชนาการทางอาหารที่ครบและสูงมาก ผำ 1 ช้อน ให้ประโยชน์เทียบเท่าสลัดจานใหญ่ๆ ได้เลย นอกจากนั้นยัง zero waste มากๆ เพราะทานได้ทั้งต้น ไม่เกิด Food losses และยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ บอกเลยว่า ‘extreme sustainable’ สุดๆ ทั่วโลกจึงให้ความสนใจ และเล็งเห็นว่าพืชชนิดนี้ดี เราโชคดีมาก ที่เป็นพืชท้องถิ่นของเมืองไทย”
ฟาร์มไข่ผำ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
จากความฝันของคุณตั้ม – ผศ.ดร.เมธา มีแต้ม ได้แรงบันดาลใจมาจากวัยเด็ก ซึ่งเป็นยุคที่บางประเทศขาดแคลนอาหาร จึงจุดประกายให้เขาตั้งมั่น ถ้าโตขึ้นอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้พืชมีผลิตผลมากเพียงพอที่จะเป็นอาหารกับประชากรโลกได้ จากนั้นเขาก็ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการสังเคราะห์แสง และคุณค่าทางอาหารในพืช ซึ่งต่อยอดความฝันวัยเด็กของเขาให้ชัดเจนขึ้น
ในช่วงแรกเริ่มของการบทบาทการทำงานวิจัย เป็นเรื่องการเลี้ยงสาหร่ายสำหรับผลิตน้ำมันไบโอดีเซล เพื่อเป็นทดแทนพลังงาน แต่ต่อมามูลค่าของราคาเริ่มผันผวน คุณตั้มจึงได้กลับมาสานต่อความฝันและเป้าหมายในวัยเด็กอีกครั้ง บวกกับเป็นจังหวะได้รู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติที่มีความสนใจในเรื่องของ “ผำ” พืชที่คนไทยใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารมานาน มีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นพืชที่เจริญเติบโตไว แต่ต้องอาศัยในแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาด ทำให้จำนวนลดลง เพราะแหล่งน้ำมีการปนเปื้อน ผำจึงไม่สามารถเจริญเติบโตและมีปริมาณลดลง คนส่วนใหญ่จึงแทบจะไม่รู้จักในยุคนี้
แต่ด้วยการเล็งเห็นถึงประโยชน์ของซุเปอร์ฟู้ด คุณตั้มได้นำความรู้เรื่องการเลี้ยงสาหร่าย การดูแลน้ำให้มีคุณภาพ มาประยุกต์เข้ากับการเพาะเลี้ยงผำโดยศึกษาและวิจัยเรื่อยมา ทั้งเรื่องสายพันธุ์ในประเทศไทย สภาวะในการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต เรื่องวิศวกรรมในการเพาะเลี้ยง รวมถึงเรื่องคุณค่าทางอาหารภายในพืช ที่ในต่างประเทศให้การยอมรับว่าเป็น ซุเปอร์ฟู้ด
ไข่ผำ คือ ?
ผำ, ไข่น้ำ หรือ ไข่ผำ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wolffia globosa จัดอยู่ในวงศ์ Lemnaceae จัดเป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก มีรูปร่างรี ๆ ค่อนข้างกลม ต้นมีสีเขียว ไม่มีราก ไม่มีใบ ขนาดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ต้นประกอบด้วยเซลล์ชนิดพาเรงไคมาเป็นส่วนใหญ่ มีช่องอากาศแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ ทำให้เห็นเป็นฟองน้ำ และช่วยให้มีการลอยตัวอยู่ในน้ำได้ พบได้เฉพาะในแหล่งน้ำนิ่งและสะอาด
ประโยชน์ของ ไข่ผำ
อุดมด้วยโปรตีนที่สูงกว่าถั่วเหลืองเมื่อเทียบในพื้นที่การเพาะปลูกที่เท่ากัน มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน วิตามิน บี 12 ซึ่งไม่พบในผลิตภัณฑ์จากพืชตามธรรมชาติชนิดอื่น วิตามิน เอ ลูทีน ซีอาแซนทิน วิตามิน บี-คอมเพล็กซ์ วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามิน เค เหล็ก แคลเซียม สังกะสี มีปริมาณโซเดียมออกซาเลต และโพแทสเซียมออกซาเลตต่ำมากๆ ไม่เพียงเท่านั้น ผำช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้เทียบเท่ากับป่าที่สมบูรณ์ในพื้นที่ ๆ เท่ากันอีกด้วย
วิธีเลี้ยงผำ ให้ได้มาตรฐาน
ผำเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้รวดเร็ว สามารถพบได้เฉพาะในแหล่งน้ำนิ่ง และสะอาด เพราะฉะนั้นก่อนจะปล่อยน้ำเข้าบ่อ เพื่อทำการเพาะเลี้ยงผำ การเตรียม น้ำ ให้สะอาดถือเป็นเรื่องที่ทางฟาร์มให้ความสำคัญมากๆ โดยทางฟาร์มจะนำน้ำใต้ดินมาผ่านหอกรองน้ำที่ประกอบไปด้วย ทราย ถ่าน กรวด และหิน จากนั้นน้ำจะไหลเข้ามาพักในบ่อน้ำดิบ ที่คลุมซาแลนเพื่อป้องกันแมลง และไม่ให้เกิดตะไคร่น้ำ อีกส่วนคือน้ำฝนธรรมชาติที่เก็บในช่วงฝนตก ไหลผ่านรางน้ำลงท่อสู่บ่อน้ำดิบ ก่อนจะปล่อยเข้าบ่อน้ำดี
การเตรียมผำ ก่อนนำไปลงบ่อเพาะเลี้ยง ต้องทำความสะอาด โดยนำมาเลี้ยงในบ่อพักเอาไว้ คอยเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ และวัชพืช ทางฟาร์มมีการเลี้ยงแบบต่อเนื่อง (continuous) คือการเลี้ยงแบบยืดอายุบ่อให้นานที่สุด โดยไม่ล้มบ่อหรือล้างบ่อใหม่ การตรวจคุณภาพน้ำทุกสัปดาห์เป็นเรื่องที่ฟาร์มให้ความสำคัญมาก หากน้ำมีการเจริญของสาหร่าย และเชื้อจุลินทรีย์ จะส่งผลให้คุณภาพของน้ำลดลง การเจริญของผำลดลง และอายุของบ่อที่ใช้เพาะเลี้ยงจะลดลงตามไปด้วย
การจัดการบ่อ เมื่อผำตายจะจมลงสู่ก้นบ่อ เกิดการสะสมของอินทรียวัตถุ (Organic matter) แทนที่จะล้มบ่อถ่ายน้ำทิ้งไป แต่ทางฟาร์มได้เลือกที่จะถ่ายน้ำออกไปในบ่อนอกโรงเรือนใช้เพาะเลี้ยง “แหนเป็ด” ให้แหนดูดซับธาตุอาหารที่เกิดจากการสะสมอินทรียวัตถุ เพื่อนำแหนเป็ดไปเป็นพืชอาหารสัตว์ และนำน้ำไปรดน้ำต้นไม้ต่อไป เป็นแนวทางการลดขยะให้เหลือศูนย์ (Zero waste) ที่น่าสนใจ ซึ่งทางฟาร์มใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งความสด สะอาด คุณภาพของผำก่อนส่งถึงมือผู้บริโภค และยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม
การเก็บเกี่ยว ก่อนเข้าโรงเรือนเพาะเลี้ยงต้องรักษาความสะอาดก่อนเสมอ โดยประตูโรงเรือนมี 2 ชั้น เมื่อเข้าไปในชั้นแรกต้อง สวมหมวกคลุมผม, หน้ากากอนามัย, ถุงมือ และถุงคลุมเท้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ก่อนจะเข้าตัวโรงเรือนอีกชั้น ก่อนการเก็บเกี่ยวต้อง วัดความหนาแน่นของบ่อ ว่ามีการเจริญเติบโตของผำเท่าไร จากนั้นนำมาคำนวณหาว่าจะต้องเก็บเกี่ยวผำขึ้นมาจากบ่อไหนบ้าง และปริมาณเท่าไร เพื่อรักษาความหนาแน่นของผำในบ่อให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
หลังจากเก็บเกี่ยวจากโรงเรือน ผำจะถูกส่งเข้าห้องล้าง และบรรจุ โดยเริ่มแรกจะล้างทำความสะอาดทั้งหมด 4 ครั้ง หรือ 4 น้ำ ก่อนจะนำมาปั่นเหวี่ยงให้แห้ง และย้ายเข้าสู่ห้องบรรจุ หลังจากนั้นนำเข้าตู้เย็น 1 คืน เพื่อปรับอุณหภูมิ ก่อนจัดส่งในตอนเช้า
คุณภาพจากฟาร์มสู่มือผู้บริโภค ความตั้งใจของฟาร์มไม่ใช่แค่การผลิตผำออกมา เพื่อส่งถึงมือผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ทางฟาร์มยังส่งต่อคุณภาพ ความสด สะอาด ปลอดภัย และคุณค่าที่อุดมด้วยสารอาหารให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ขั้นตอนก่อนที่ผำจะถูกส่งออกจากฟาร์มต้องมีการตรวจสอบอย่างแม่นยำ เริ่มจาก
การตรวจคุณภาพของผำ มีการตรวจทุกๆ วัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- ส่วนของบ่อเลี้ยง มีการตรวจคุณภาพในทุกบ่อ ในเรื่องของการตรวจการเจริญเติบโตของผำ และการตรวจการปนเปื้อน
- ส่วนของบรรจุภัณฑ์ หลังจากที่นำผำบรรจุใส่ในบรรจุภัณฑ์ จะสุ่มตรวจวัดดูคุณภาพขณะบรรจุว่ามีการปนเปื้อนหรือไม่ โดยจะมี 3 ขั้นตอน 1.ตรวจการปนเปื้อนที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า โดยนำผำมาเกลี่ยบนบอร์ดสีขาว 2.ตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ดูการเจริญเติบโตของผำ และตรวจหาการปนเปื้อน 3.เก็บตัวอย่าง เพื่อดูอายุการเก็บรักษา (Shelf life)
การตรวจคุณภาพน้ำ
-การตรวจคุณภาพน้ำเป็นการตรวจเชื้อจุลินทรีย์ และการปนเปื้อน มีการตรวจทุกสัปดาห์
-การตรวจคุณภาพน้ำที่มีการเก็บตัวอย่างส่งออกไปตรวจภายนอก มีการตรวจในทุกๆ เดือน
ความยากง่ายของการเลี้ยงผำ
- ผำ ไม่ได้โตตลอดทั้งปีจะมีบางช่วงที่มีเจริญเติบโตน้อย แต่ที่ฟาร์มยังต้องมีการขายตลอดทั้งปี ทางฟาร์มมีการศึกษาเกี่ยวกับสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญของผำ เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี
- เรื่องของการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ และสามารถทดแทนถั่วเหลืองได้ จึงต้องเลี้ยงผำในพื้นที่ขนาดใหญ่ๆ แต่ต้องคุมเรื่องของต้นทุน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
- การเพาะเลี้ยงแบบต่อเนื่อง (Continuous) เพื่อยืดอายุบ่อให้นานที่สุด โดยต้องควบคุมการเจริญของสาหร่าย และตะไคร่ ที่ส่งผลให้คุณภาพของน้ำเสีย ปริมาณผลลิตลดลง ที่ฟารม์มีการศึกษา วิจัยและพัฒนาอยู่ตลอด เพื่อหาสภาวะที่ผำเจริญได้ดี แต่สาหร่าย และตะไคร่เจริญไม่ดี
สารพัดเมนูจาก ไข่ผำ
ผำจากทางฟาร์ม สามารถเปิดทานได้เลย ไม่ต้องล้างซ้ำ ด้วยการเลี้ยงในสภาวะแบบปิด การตรวจสอบคุณภาพ ความสะอาด อย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพ ถึงรูปลักษณ์จะมีสีเขียว แต่กลับไม่มีกลิ่น ไม่ขม ไม่เหม็นเขียว แถมอร่อยได้คุณค่าทางอาหาร และสามารถทานกับอาหารได้ทุกเมนูทั้งเมนูคาวและหวาน หรือเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร อาทิ เช่น เบเกอรี่ (เค้ก, คุกกี้, ขนมปัง), ไอศกรีมไข่ผำ, ไข่ผำสมูทตี้, ซอสพิซซ่า, พาสต้า, ทอดมันไข่ผำ
นอกจากนั้น flo wolffia ได้ยกระดับเมนู ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน สะดวกต่อการใช้งาน เก็บรักษาได้นาน อย่าง Freeze dried ice cream coconut and Wolffia เป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และ Wolffia matcha powder ผงไข่ผำที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ชงดื่มได้ทั้งเมนูร้อนและเย็น สามารถพกพาไปทานได้ทุกที่ทุกเวลา บอกเลยว่าเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ไม่ทานผัก หรือทานผักยาก นอกจากนั้นการแปรรูปผำยังช่วยเพิ่มมูลค่า ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
สำหรับใครอย่างลองลิ้มรสไข่ผำ ติดต่อได้ที่ช่องทางจำหน่ายได้ที่ Facebook : flo wolffia Website : flowolffia.com
เรื่อง : สุธินี สุปรีดิ์วรกิจ
ภาพ : ศุภกร ศรีสกุล