ไม้เลื้อย สร้างร่มเงา บังแดด
ไม้เลื้อย อีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะแก่การปลูกทำซุ้มเพื่อให้ร่มเงา และช่วยบังแดดในหน้าร้อน ไปดูกันว่ามีต้นอะไรบ้างที่บางสายพันธุ์ดอกมีกลิ่นหอมและสีสวยอีกด้วย
1.ชำมะนาด ไม้เลื้อย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Vallaris glabra (L.) Kuntze วงศ์ Apocynaceae ถิ่นกำเนิด อินโดนีเชีย ไม้เลื้อยเนื้อแข็ง เลื้อยได้ไกล 5 – 10 เมตร ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ใบเดี่ยวออกตรงข้าม ใบรูปไข่แกมรี ปลายใบแหลม โคนใบมน แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ และปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูปถ้วยตื้นๆ ปลายแยกเป็นแฉกแหลม 5 แฉก ดอกย่อยทยอยบานมีกลิ่นหอมคล้ายข้าวใหม่ผสมใบเตย ส่งกลิ่นหอมทั้งกลางวันและกลางคืน ผลสดมีเนื้อนิ่ม เมื่อแก่จะแตกออก เมล็ดขนาดเล็ก มีขนปุยที่ปลายช่วยให้ปลิวไปตามลม
2. สร้อยฟ้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora x alatocaerulea Lindl. วงศ์ Passifloraceae ถิ่นกำเนิด ลูกผสมระหว่าง P. alata x P. caerulea ไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ยอดเลื้อยได้ไกล 5 – 10 เมตร ลำต้นเป็นเหลี่ยม มีมือเกาะออกตามชอกใบ ใบเดี่ยวออกเวียนสลับรูปนิ้วมือเว้าลึก เป็น 3 พู ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบจักพันเลื่อยตื้น แผ่นใบหนาสีเขียว ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ ดอกทรงกลมห้อยลง กลีบเลี้ยงสีเขียวรูปขอบขนาน 5 กลีบ เมื่อบานเต็มที่กลีบลู่ไปทางด้านหลัง กลีบดอกสีครีมรูปขอบขนาน
3. สายหยุด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Desmos chinensis Lour. วงศ์ Annonaceae ถิ่นกำเนิด จีนตอนใต้ ไม้รอเลื้อยเนื้อแข็งขนาดกลาง เลื้อยได้ไกล 5 – 10 เมตร เปลือกลำต้นเรียบสีน้ำตาลอมดำ ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับในระนาบเดียวกัน รูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน หรือเว้า ขอบใบเป็นคลื่น แผ่นใบบางคล้ายกระดาษสีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกเดี่ยวออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกห้อย กลีบดอกแต่ละพันธุ์มีขนาดแตกต่างกัน ดอกอ่อนมีสีเขียว เมื่อบานเต็มที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีเหลืองส้ม หรือสีส้ม ส่งกลิ่นหอมตั้งแต่ช่วงเย็น หอมแรงในตอนกลางคืน และหยุดส่งกลิ่นหอมในช่วงสาย ออกดอกตลอดปีแต่มีดอกดกมากในช่วงต้นฤดู ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง หากหมั่นตัดแต่งกิ่งแก่จะช่วยให้แตกกิ่งใหม่และมีดอกขนาดใหญ่
4. เล็บมือนาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Combretum indicum (L.) DeFilipps วงศ์ Combretaceae ถิ่นกำเนิด เอเชียเขตร้อนและกึ่งร้อน แทนซาเนียตอนเหนือของออสเตรเลีย ไม้เลื้อยทอดเลื้อยได้ไกลกว่า 10 เมตร เนื้อค่อนข้างแข็ง แตกกิ่งก้านหนาทึบ เปลือกสีน้ำตาลปนแดงค่อนข้างเรียบ กิ่งแก่มีหนาม ใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปหอกหรือแกมรูปขอบขนานปลายใบแหลมหรือมนและมีติ่งแหลม โคนใบมนใต้ใบมีขนปกคลุมทั่ว ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบบริเวณปลายกิ่ง ก้านดอกยาว กลีบเลี้ยงเล็ก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอกยาว ปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีทั้งกลีบดอกชั้นเดียวและดอกซ้อนดอกเริ่มบานมีสีขาวหรือสีชมพูอ่อน เมื่อบานเต็มที่สีชมพูเข้ม มีกลิ่นหอมแรงตั้งแต่พลบค่ำจนถึงเช้าดอกบานนาน 3 – 4 วัน ออกดอกได้ตลอดปีขึ้นอยู่กับความชื้นในดิน ผลแห้งรูปกระสวย เปลือกแข็งสีน้ำตาลเข้ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง
5. ราชาวดี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Buddleja paniculata Wall. วงศ์ Scrophulariaceae ถิ่นกำเนิด เขตร้อนของทวีปเอเชีย ไม้รอเลื้อยขนาดกลาง สูง 1 -3 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง ลำต้นเรียบเกลี้ยง เปลือกสีเทา กิ่งก้านเมื่อยังอ่อนเป็นเหลี่ยมและมีขน ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปไข่แกมรูปรีถึงรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยักมน แผ่นใบด้านบนสีเขียว ด้านล่างมีขนสีเทาระคายมือ ดอกออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงที่ปลาย ดอกย่อยขนาดเล็ก สีขาวโคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดสั้น ปลายแยกเป็น 4 กลีบ ดอกย่อยทยอยบานตั้งแต่โคนถึงปลายช่อดอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆในช่วงกลางวันและหอมแรงขึ้นในเวลากลางคืน ออกดอกตลอดปี ดอกดกในช่วงฤดูฝน ผลเมื่อแก่แตกเป็นสองซีก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง
6. หิรัญญิการ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Beaumontia grandiflora Wall. วงศ์ Apocynaceae ถิ่นกำเนิด เนปาลถึงจีน ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ เลื้อยได้ไกลถึง 10 เมตร ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ส่วนที่ยังอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุมทั่วไป ใบเดี่ยวออกตรงข้าม โคนใบสอบ แผ่นใบสีเขียวเป็นมันใต้ใบสีขาวนวล มีขนสากมือสีน้ำตาลอมแดง เส้นใบย่อยเป็นร่องชัดเจน ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาวโคนกลีบเชื่อมติดกัน สีเขียวอ่อน ขอบบิดเป็นคลื่นเล็กน้อย ดอกบานไม่พร้อมกัน มีกลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี ดอกดกในช่วงฤดูหนาว ผลเป็นฝักคู่ รูปรีแกมขอบขนาน เมื่อแก่จะแตกออกเป็นสองซีกมีเมล็ดรูปกระสวยจำนวนมาก ที่ปลายมีพู่ขนสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่งเหมาะปลูกเป็นไม้ประดับรั้วหรือซุ้ม
7. สายน้ำผึ้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lonicera japonica Thunb. วงศ์ Caprifoliaceae ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออก ไม้เลื้อยขนาดกลาง เลื้อยได้ไกล 2- 3 เมตร ลำต้นแข็งและเหนียว มีขนนุ่มปกคลุม ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปไข่แกมรูปใบหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาแข็งสีเขียวเข้มเป็นมัน ช่อดอกแบบช่อกระจุกออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด เมื่อดอกย่อยเริ่มบานมีสีขาวส่งกลิ่นหอม ดอกที่ใกล้โรยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและน้ำตาลตามลำดับ ออกดอกตลอดปี ผลสดรูปทรงกลม ผิวผลเกลี้ยงเรียบเป็นมันเงา เมื่อสุกมีสีดำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง และตอนกิ่ง เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงดินให้ไต่รั้วหรือซุ้ม ควรตัดแต่งกิ่งที่มีดอกโรยแล้ว หรือกิ่งที่ทรุดโทรมทิ้งเพื่อให้แตกกิ่งใหม่และออกดอกดก ปัจจุบันมีพันธุ์ดอกสีชมพูที่เรียกกันว่าสายน้ำผึ้งญี่ปุ่น ออกดอกดกในช่วงฤดูหนาว
8. สตาร์จัสมิน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Trachelospermum jasminoides (Lindl.) Lem. ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออกถึงตะวันออกเฉียงใต้ ไม้เลื้อยขนาดเล็ก ลำต้นสีน้ำตาล ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาว กิ่งอ่อนมักมีขนปกคลุม ใบเดี่ยวออกตรงข้าม รูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบแหลมโคนใบสอบ แผ่นใบสีเขียวเป็นมัน ช่อดอกแบบช่อกระจุกออกที่ซอกใบปลายยอด กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกออก กลีบดอกบิดเวียนเป็นกังหัน สีขาว ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน ออกดอกช่วงฤดูร้อนและฤดูฝน ผลเป็นฝัก ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือปักชำกิ่ง สามารถปลูกเพื่อให้ร่มเงาบริเวณม้านั่งในสวนได้ โดยทำซุ้มให้เลื้อยพันและหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ ปัจจุบันมีพันธุ์ใบด่างแต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก
9. มะลิก้านแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์ Jasminum grandiflorum L. วงศ์ Oleaceae ถิ่นกำเนิด ทวีปแอฟริกา คาบสมุทรอาหรับ ปากีสถานถึงตอนกลางของจีน ไม้เลื้อยขนาดกลาง กิ่งก้านเลื้อยได้ไกล 3 – 4 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ออกตรงข้าม ใบย่อยรูปรี 5-9 ใบ ไม่มีก้านใบ ปลายใบและโคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้มช่อดอกแบบช่อกระจุกออกที่ปลายยอด มีดอกย่อย 1-3 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียวเป็นซี่เรียวแหลม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกดอกตลอดปี ไม่ติดผล ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งหรือโน้มกิ่ง
10. พวงแก้วมณี / พวงวิวาห์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clematis terniflora DC. var. terniflora วงศ์ Ranunculaceae ถิ่นกำเนิด ตอนกลางและตอนใต้ของจีนถึงเกาหลีและญี่ปุ่น ไม้เลื้อยขนาดเล็ก เลื้อยได้ไกล 3 เมตร ใบประกอบแบบขนนก ออกตรงข้ามกัน ใบย่อยรูปไข่ปลายใบแหลม โคนใบป้านถึงรูปหัวใจ ก้านใบยาว ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงออกที่ปลายยอด รูปขอบขนานปลายมน สีขาว เกสรเพศผู้สีขาวนวลจำนวนมาก ออกดอกช่วงฤดูหนาว กลิ่นหอมแรงช่วงเช้า และส่งกลิ่นอ่อนๆ ช่วงกลางวัน ดอกบานพร้อมกันทั้งช่อนาน 2 วัน จากนั้นกลีบดอกจะร่วง ผลแห้งรูปรี ปลายเมล็ดมีรยางค์คล้ายหาง เมื่อแก่จะปลิวไปตามลม ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้นไม้ทนแดด ต้นไม้ดูดความร้อน สำหรับให้ร่มเงา
10 ต้นไม้เลื้อยยอดฮิตตลอดกาล ขวัญใจชาวบ้านและสวน
10 พรรณ ไม้เลื้อย ที่สามารถทำซุ้มบังแดดกันฝุ่นให้บ้านได้ด้วย
ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com