ปลูกเคลขาย ในโรงเรือนหลังบ้านพื้นที่ 1 งาน สร้างเป็นอาชีพเสริม - บ้านและสวน

ปลูกเคลขาย ในโรงเรือนหลังบ้านพื้นที่ 1 งาน สร้างเป็นอาชีพเสริม

ปันสุขฟาร์ม เป็นชื่อของสวนผักเคลขนาดเล็กบนพื้นที่ 100 ตารางวา ของ คุณเปิ้ล -ทัศนีย์ ศรีมณีวงษ์ นักการตลาดสาวที่เพิ่มบทบาทจากพนักงานออฟฟิศมา ปลูกเคลขาย เป็นฟาร์มเมอร์อีกอาชีพ

คุณเปิ้ลหากิจกรรมทำในช่วงโควิดซึ่งออกไปเที่ยวไหนไม่ได้ โดยแบ่งเวลาว่างหลังเลิกงานในตอนเย็น และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ปลูกเคลขาย เปลี่ยนพื้นที่หลังบ้านที่เปล่าประโยชน์ให้เป็นฟาร์มขนาดเล็ก ชวนคุณแม่มาช่วยกันปลูกผักกินเองในบ้านตามประสาคนชอบกินผัก โดยเลือกปลูกเคลเป็นหลัก เพราะผักที่มีประโยชน์เยอะแยะมากมาย ลองซื้อมากินแล้วชอบ เลยหาข้อมูลและลงมือปลูกไว้กินเองที่สวนหลังบ้าน ซึ่งในตอนนั้นยังไม่นิยมปลูกกันมากนักจึงยังมีราคาสูง

ปลูกเคลขาย


“เริ่มจากปลูกในถุงตั้งบนพื้นดินค่ะ กางมุ้งกันแมลงเป็นแปลงเล็กๆ ค่ะ ปลูกไปโพสต์ไปที่เฟซบุ๊กส่วนตัวไปด้วย เพื่อนๆ ก็สนใจถามกันมาว่าคือผักอะไร กินยังไง ทำอะไรกินได้บ้าง เราเริ่มมองเห็นช่องทางว่าน่าจะสร้างรายได้เสริมให้ได้ หลังจากเริ่มปลูกมาได้ 2-3 เดือน เลยตัดสินใจเคลียร์พื้นที่สวนหลังบ้าน โค่นต้นมะม่วง ตัดต้นขนุนออก เริ่มมีโรงเรือนเพื่อปลูกอย่างจริงจัง แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ก็เจอปัญหาเยอะมากค่ะ ฝนตกมาทีน้ำก็ขังเจิ่งนองไปทั่วพื้น ทั้งโรคเชื้อราทั้งเพลี้ยอ่อนก็ตามมา ด้วยความที่เปิ้ลตั้งใจปลูกแบบออร์แกนิกตั้งแต่เริ่ม เพราะเราปลูกกินกันเองในบ้าน เลยใช้ยาฆ่าแมลงไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแพ้ รื้อทิ้งไปทั้งหมด และหยุดพักไปถึง 3 เดือนเลยค่ะ”


แค่เริ่มต้นก็มีปัญหา แต่คุณเปิ้ลก็ไม่ยอมแพ้ หาข้อมูลและลงมือทำ ลองผิดลองถูกมาหลายเรื่องหลายวิธี จนในวันนี้กับ 2 ปีที่ Punsuk Farm-ผักเคลออร์แกนิกชลบุรี เติบโตขึ้น และประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ปลูกเคลสร้างรายได้เสริมต้องทำยังไง ไปฟังคุณเปิ้ลเล่ากัน

โรงเรือนน็อคดาวน์หลังแรก ขนาด 3 x 6 เมตร ที่สั่งซื้อมาจากเชียงราย ในราคาหมื่นนิดๆ รวมค่าขนส่ง ในชุดจะมีอุปกรณ์มาให้ทุกอย่าง ทั้งโครงสร้างเหล็ก ตัวยึด มุ้งตาข่าย ผ้าใบ ผ้าพลาสติก แต่ต้องประกอบกันเอง ใช้เวลาวันเดียวก็ประกอบเสร็จ อาจจะยากนิดตรงที่ต้องเทปูนบริเวณโคนเสาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
“หลังจากปลูกในโรงเรือน ดูจากปริมาณแล้วกินเองก็คงไม่หมด เปิ้ลเลยเปิดเพจ “Punsuk Farm – ผักเคลออร์แกนิกชลบุรี” โพสต์ว่าเราปลูกอะไร ทำยังไง เอาเขาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง อยากจะแบ่งปันความรู้และเริ่มตัดใบขายให้คนที่สนใจ บางคนก็ขอซื้อทั้งต้น ต่อมาเริ่มมีไม่พอจนต้องขยายเพิ่มอีก 2 โรงเรียนค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นจ้างช่างแถวนี้มาทำให้ ราคาก็พอๆ กับโรงเรียนหลังแรกค่ะ”

เลือกใช้มุ้งตาข่าย 40 ตาจะช่วยป้องกันแมลงได้ดีกว่า เคลเป็นผักที่ชอบแสงรำไร จึงต้องใช้สแลนสีดำ 70% ช่วยพรางแสง

จากปัญหาเรื่องโรคและแมลงที่เกิดจากการวางถุงปลูกบนพื้นดิน คุณเปิ้ลเปลี่ยนวิธีใหม่ วางถุงปลูกบนโต๊ะแทน หาวิธีที่ง่ายและประหยัดโดยใช้วงบ่อซีเมนต์เป็นฐาน ด้านบนวางแผ่นไม้พาเลทมือสองที่ทำจากไม้ยางพาราซึ่งออกแบบและสั่งทำขึ้นมาใหม่ วางได้โต๊ะละ 2 แถว โรงเรือนหลังแรกจะปลูกได้ประมาณ 140 ต้น โรงเรียนหลังใหม่ที่ใหญ่และมีหน้ากว้างมากกว่าสามารถวางได้ประมาณ 500 ต้น รวมทุกโรงเรือนจะสามารถปลูกได้ถึง 800 ต้น

“เปิ้ลปลูกเคลแค่ 2 พันธุ์ โดยอาศัยความชอบส่วนตัวเป็นหลัก คือ

  • เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะเด่น คือ ขอบใบจะหยิก รสชาติคล้ายกะหล่ำ แต่ออกขมนิดๆ
  • เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบจะมีสีเขียวเข้มกว่า แผ่นใบและมีรอยย่น รสชาติออกหวานมันกว่าเคลใบหยิก

“ทีนี้เราทำทุกอย่างเองทั้งหมดค่ะ เริ่มจากสั่งซื้อเมล็ดทางออนไลน์ เลือกจากแหล่งที่เป็นออร์แกนิกมีมาตรฐานเชื่อถือได้ เพาะเมล็ดในกล่องบนทิชชู่ที่พรมน้ำให้ชื้นๆ เหมือนเพาะถั่วงอก 2 วันก็งอกแล้วค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้เราสังเกตได้ง่ายว่าเมล็ดไหนงอกหรือไม่งอก เมล็ดที่มีสีน้ำตาล เปลือกจะหลุดออกเห็นเป็นสีขาวแสดงว่างอกเป็นต้นแน่นอน จากนั้นจึงย้ายไปปลูกในถาดหลุม ใช้พีทมอสออร์แกนิกเป็นวัสดุปลูก ใช้เวลาอีก 14 วัน สังเกตว่าต้นมีใบจริงที่ขอบใบจะหยิกสัก 2 ใบ จึงย้ายปลูกลงถุงปลูกขนาด 10 นิ้วต่อไปค่ะ”

“ทุกเช้าก่อนไปทำงานและตอนเย็นหลังเลิกงาน เปิ้ลจะเดินตรวจดูทุกโรงเรือนทุกต้นค่ะ ดูว่าน้ำถึงไหม ใบมีอาการผิดปกติ โดนเพลี้ยหรือมีโรคแมลงไหม เคลถือว่าเป็นผักที่ต้องการการดูแลพอสมควรค่ะ”

เคลจะแตกใบเรียงกันเป็นชั้น เราจะเลือกเก็บใบที่ยังอ่อนนุ่มและไม่แข็งเกินไป โดยสามารถตัดใบได้ทั้งชั้น แต่ต้องเหลือใบที่ยอดไว้เพื่อให้ต้นเติบโตต่อไป ต้นจะโตสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ปกติจะเลี้ยงได้จนถึงอายุ 4-5 เดือน แต่ถ้าดูแลดีๆ ก็สามารถเลี้ยงได้เป็นปี ใบจะมีขนาดเล็กลงแต่รสชาติยังคงเหมือนเดิม
ระหว่างที่ปลูกเลี้ยง รดน้ำ ดินในถุงอาจจะยุบลง จึงควรเติมดินผสมเพิ่มลงไป และช่วยพรวนดินอาทิตย์ละครั้ง จะช่วยให้ต้นเติบโตได้ดีขึ้น


“เคลจะเริ่มเก็บใบกินได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนค่ะ หรือมีใบแล้วประมาณ 4 ใบ แต่จะเป็นใบที่ค่อนข้างอ่อน อายุ 2 เดือนคือช่วงที่เหมาะที่สุดค่ะ เปิ้ลจะปลูกเพื่อตัดใบจนต้นมีอายุประมาณ 4 เดือน ก็จะโล๊ะปลูกใหม่ ซึ่งจะสามารถตัดใบได้มากกว่า 10 ครั้งค่ะ”
ใบแก่คือใบที่มีอายุ 3 เดือนขึ้นไป ใบจะมีสีเข้ม จับแล้วจะแข็งกระด้าง ไม่อร่อย แต่ก็สามารถนำไปสกัดน้ำ (อาจมีรสขมเล็กน้อย) นำไปปั่น หรือนำไปแปรรูปเป็นใบบดผงก็ได้

“ที่นี่เราผสมดินปลูกเองค่ะ หาที่ซื้อหน้าดิน แต่เราก็ต้องไปดูไปสัมผัสด้วยตัวเองก่อนว่าเป็นดินที่ดีมีลักษณะร่วนซุย ไม่เป็นดินเหนียว เหมาะสำหรับปลูกเคลไหม สั่งซื้อหน้าดินมาเป็นคันรถค่ะ ราดด้วยไตรโคเดอร์ม่าเพื่อป้องกันเชื้อรา และใส่ EM (Effective Microorganisms) ผสมลงไปเพื่อช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน แล้วตากดินทิ้งไว้เพื่อฆ่าเชื้อ จากนั้นค่อยผสมกับมูลวัวที่หมักแล้ว และใบก้ามปูหมัก ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน ดินปลูกนี้ก็ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งค่ะกว่าจะได้สูตรผสมที่ลงตัว”

“ทีนี้เราให้ฮอร์โมนนมสด และน้ำหมักสับปะรด ซึ่งจะช่วยในเรื่องของรสชาติ ความกรอบ และความแข็งแรงของใบ ผสมน้ำฉีดพ่นในช่วงเช้าก่อนแดดออก ให้ทุกอาทิตย์ค่ะ ส่วนปุ๋ยน้ำที่ใช้เป็นปุ๋ยน้ำที่สกัดจากธรรมชาติ หาซื้อจากร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าออร์แกนิกที่ได้มาตรฐาน
“โชคดีที่เราไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องแมลง จะมีเฉพาะแมลงหวี่ขาวค่ะ เพราะเราอยู่ใกล้ไร่มันสำปะหลัง มีเพลี้ยอ่อนบ้าง ส่วนหนอนกินใบแทบจะไม่มีเลย เพราะเราพยายามจะไม่เข้าออกโรงเรียนในช่วงเย็น เพลี้ยอ่อนจะมากับมด ส่วนแมลงหวี่ขาวตัวมีขนาดเล็กมาก อาจจะบินเล็ดลอดเข้ามาในโรงเรือนได้บ้างค่ะ เราใช้ชีวภัณฑ์ คือบิวเวอร์เรีย และสารสกัดจากธรรมชาติช่วยกำจัด ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านออนไลน์ทั่วไปค่ะ”

แท็งก์น้ำใช้แบบที่มีขายทั่วไป เป็นขนาดมาตราฐาน ซึ่งคำนวณแล้วว่าเพียงพอต่อการใช้งาน ประกอบด้วยแท็งก์ขนาดใหญ่ 2 แท็งก์ แท็งก์หนึ่งมีไว้พักน้ำ ส่วนอีกแท็งก์มีไว้ใช้รดน้ำ ส่วนแท็งก์เล็กมีไว้สำหรับใส่ปุ๋ยน้ำผ่านทางระบบน้ำหยด จะมีระบบวาล์วแยกการใช้งานโดยเฉพาะ

โรงเรือนไม้ไผ่ขนาดเล็กที่วานเพื่อนทำให้ ใช้ปลูกผักสลัด ยังถือว่าเป็นช่วงทดลองปลูก ส่วนถุงใส่น้ำที่ห้อยไว้ใช้เพื่อกันนก เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คุณแม่สอน ใต้โต๊ะคุณแม่ปลูกหญ้าปักกิ่ง ต้นไม้อีกชนิดที่มีประโยชน์ไม่แพ้เคล

“ที่นี่เราตัดใบขายโดยเปิดรับออเดอร์ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เปิ้ลจะตัดใบและส่งให้ทุกวันอาทิตย์ เราจะตัดใบช่วงเช้าเวลา 7:00-7:30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ใบยังไม่คายน้ำ ใบจะกรอบ อร่อย และเก็บไว้ได้นาน ราคาขีดละ 40 บาท มีประมาณ 10 ใบ ถ้าเป็นลูกค้าที่ทานใบสดก็จะตัดใบที่อ่อนหน่อยให้ค่ะ ซึ่งจะอร่อยกว่า เราส่งทางขนส่งเอกชนไปทั่วประเทศค่ะ
“ผักออร์แกนิกส่วนใหญ่จะแข็งแรงกว่าผักทั่วไป เก็บรักษาได้นานกว่า เราตัดใบสดใหม่ให้ก่อนส่ง หลังจากได้รับแล้วลูกค้าสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นทั้งถุง หรือเก็บใส่กล่องที่ไม่โดนอากาศได้เลยโดยไม่ต้องล้าง ก่อนทานค่อยนำมาล้างสักหนึ่งครั้งก็เพียงพอค่ะ”

นอกจากตัดใบและขายต้นแล้ว ในบางช่วงที่มีผลผลิตเกินความต้องการ คุณเปิ้ลยังนำใบไปแปรรูปเป็นผลผลิตต่างๆ เช่น น้ำสกัดเย็น ซึ่งผ่านการลองผิดลองถูก คิดค้นหาส่วนผสมที่ลงตัวและอร่อย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผัก มีให้เลือก 3 รสชาติ ในขวดขนาด 250 มิลลิลิตร ราคาขวดละ 70 บาท จะเปิดรับออเดอร์อาทิตย์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 20 ขวด ในหนึ่งขวดจะใช้ใบเคลสดขนาดเล็ก 5-6 ใบ สามารถเก็บแช่เย็นได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ และมีบริการจัดส่งโดยรถห้องเย็น

  • น้ำสีเขียว ประกอบด้วย ใบเคล สับปะรด แอปเปิ้ลเขียว ช่วยเรื่องดีท็อกซ์
  • น้ำสีแดง ประกอบด้วย ใบเคล แก้วมังกร บีทรูท ฝรั่ง ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก
  • น้ำสีส้ม ประกอบด้วย ใบเคล แครอท มะเขือเทศ ช่วยเรื่องบำรุงผิว

และยังมีใบเคลบดผง ซึ่งสั่งผลิตเป็นพิเศษโดยโรงงานที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ใบเคลสด 10 กิโลกรัมจะสามารถบดออกมาเป็นผงได้ 1 กิโลกรัม วิธีนำไปใช้คือนำไปโรยผสมอาหาร หรือไปชงน้ำดื่ม กระปุกขนาด 100 กรัม ราคา 350 บาท

“กรณีซื้อต้นไปปลูก จะเป็นต้นที่มีอายุประมาณ 1-2 เดือน ราคาต้นละ 150 บาท ส่วนใหญ่เปิ้ลจะให้ลูกค้ามารับต้นเองค่ะ เพราะปลูกในถุงขนาดใหญ่ ขนส่งยากและราคาจะสูง แต่ถ้าต้องส่งเปิ้ลก็จะปลูกในถุงขนาดเล็กให้แทน บางครั้งลูกค้าอยากได้แบบถาดหลุม เปิ้ลก็ทำส่งให้ได้นะคะ เดือนหนึ่งเฉลี่ยแล้วขายได้ประมาณ 50 ต้นค่ะ

“ตอนนี้นอกจากเคลแล้ว เปิ้ลยังปลูกผักอื่นๆ เพิ่มด้วยค่ะ เพราะกลัวลูกค้าจะเบื่อ อยากให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้น มีทั้งผักสลัด เช่น บัตเตอร์เฮด คอส และมะเขือเทศ เลือกปลูกแต่พันธุ์ที่ตัวเองชอบกินค่ะ อาศัยดูจากเพจที่เขาปลูกมะเขือเทศออร์แกนิก ดูว่ามีสีไหน รูปทรงไหนบ้าง แล้วเลือกสั่งมาทดลองปลูกเอง ตอนนี้ปลูกอยู่ 7 พันธุ์แล้วค่ะ ทดลองปลูกรอบแรกมาตั้งแต่ปีที่แล้วแต่เจอปัญหาเพลี้ย กลัวจะลามไปมีปัญหาในโรงเรือนเลยรื้อทิ้งทั้งหมด ช่วงหน้าหนาวปลายปีที่แล้วลองปลูกรอบใหม่ เพิ่งจะประสบความสำเร็จ ตอนนี้ลูกค้าให้ความสนใจสอบถาม สั่งจองกันเยอะมากเลยค่ะ

“ในมุมมองของเปิ้ล เคลเป็นผักที่คนสนใจและยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แต่หาซื้อค่อนข้างยาก อาจจะเป็นเพราะคนปลูกกันไม่มาก และการปลูกเลี้ยงค่อนข้างยาก ในอนาคตเปิ้ลมองว่าเคลก็ยังคงไปได้เรื่อยๆ ค่ะ และน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยค่ะ
“เรารักษาคุณภาพของเรามาโดยตลอด คนที่เข้ามาเยี่ยมสวนเราก็จะได้เห็นทุกอย่างว่าเราปลูกยังไง ดูแลยังไง ฟาร์มเราเป็นระบบออร์แกนิกทั้งหมดทุกขั้นตอน เราซื่อสัตย์กับลูกค้า พร้อมจะให้ข้อมูลความรู้กับลูกค้าทุกอย่างที่สงสัยค่ะ
“ปกติคุณแม่จะอยู่ที่บ้าน ส่วนเปิ้ลจะไปทำงานค่ะ ถ้าอยากจะเจอกันขอให้โทรนัดล่วงหน้า เปิ้ลสะดวกช่วงวันหยุดและวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็มีคนมาขอความรู้เพื่อไปปลูกเองมากขึ้น อยากจะเข้ามาศึกษาหาความรู้เป็นกลุ่มก็ได้นะคะ แต่ขอไม่เกินกลุ่มละ 10 คน ติดต่อผ่านทางเพจ หรือโทรมานัดล่วงหน้าสักอาทิตย์ได้เลยค่ะ เปิ้ลยินดีมากค่ะ”


Facebook Fanpage : Punsuk Farm-ผักเคลออร์แกนิกชลบุรี
โทรศัพท์ 08-0419-5455

เรื่อง : วชิรพงศ์ หวลบุตตา
ภาพ : ฤทธิรงค์ จันทองสุข

เคล (Kale) ผักเมืองนอกปลูกได้ในไทย ปลูกได้ตลอดปีแม้มีพื้นที่จำกัด

เคล็ด (ไม่) ลับ ปลูกมะเขือเทศแฟนซี แบบไร้สารเคมี