ตลาดอสังหาฯ ซูเปอร์พรีเมี่ยมไปได้ดีบ้านเดี่ยว ‘ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์’ ที่ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ขายแล้ว 78% - บ้านและสวน

ตลาดอสังหาฯ ซูเปอร์พรีเมี่ยมไปได้ดีบ้านเดี่ยว ‘ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์’ ที่ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ขายแล้ว 78%

สูตรความสำเร็จของ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือการผสานแบรนด์ระดับโลกอย่างซิกส์เซนส์ เข้ากับสุดยอดคอนเซ็ปต์โครงการ และตั้งอยู่บนสุดยอดทำเลในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ตอบโจทย์ตลาดระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม ทำยอดขายทะลุ 4,700 ล้านบาท

MQDC หรือ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศวันนี้ว่า ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ หรือที่อยู่อาศัยแบรนด์ซิกส์เซนส์ โครงการแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 ทำยอดขายบ้านแล้ว 4,700 ล้านบาท โดยขายแล้ว 21 หลัง จากทั้งหมด 27 หลัง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565

ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เปิดเผยว่า “ความรวดเร็วในการตัดสินใจของผู้ซื้อแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการอยู่ในระดับที่สูงมาก สำหรับบ้านในระดับอัลตร้าลักชัวรี่ในกรุงเทพฯ ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ รวมทั้งมีแนวทางการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นคุณภาพระดับสูงสุด โดยในช่วง 30 วันแรกของการเปิดขาย สามารถขายบ้านได้ถึง 16 หลัง และจนถึงวันนี้ขายเพิ่มได้อีก 5 หลัง”

บ้านในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 27 หลัง ที่มาพร้อมพื้นที่สวนของตัวเอง และมีทะเลสาบล้อมรอบ โดยตัวบ้านมีให้เลือก 3 ขนาด ตั้งแต่ 3-5 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ประมาณ 790 ตารางเมตร ไปจนถึงเกือบ 1,500 ตารางเมตร และมีราคาตั้งแต่ประมาณ 180 ล้านบาท ไปถึงมากกว่า 360 ล้านบาท

นายกิตติพันธุ์เปิดเผยว่า “บ้านในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ทั้งหมด เป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยที่เรียกได้ว่าดีที่สุด และมีสเปกสุดยอดที่สุดในประเทศไทย ทุกหลังรับประกันคุณภาพ 30 ปีโดย MQDC และทุกหลังมาพร้อมกับบริการและสิทธิพิเศษที่เหนือระดับตามแบบฉบับของบ้านแบรนด์ซิกส์เซนส์ รวมถึงบริการอำนวยความสะดวกที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยอย่างที่สุด พร้อมด้วยคลับเฮ้าส์ และการบริหารจัดการดูแลในระดับพิเศษเพื่อรักษาและคงความเป็นสังคมที่มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพการใช้ชีวิต และความยั่งยืน”

นายกิตติพันธุ์กล่าวว่า บริษัท Foster + Partners และ DT designs รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบ  และ Six Senses Hotels Resorts Spas เป็นที่ปรึกษาด้านงานตกแต่งภายใน และภาพรวมโครงการ  ซึ่งช่วยทำให้เรามั่นใจว่าบ้านทุกหลังในโครงการจะตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นเขียวขจีของธรรมชาติ ผสานการใช้ชีวิตทั้งภายในและภายนอกตัวบ้านอย่างกลมกลืนไร้รอยต่อ มีบ่อออนเซนและสระว่ายน้ำ พร้อมวิวทะเลสาบและสายลมธรรมชาติที่พัดผ่าน

บ้านหลังแรกๆ ในโครงการ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คาดว่าจะพร้อมโอนได้ในไตรมาส 2 ปี 2567

เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมแห่งใหม่ในเครือซิกส์เซนส์ที่มีห้องพักประมาณ 85 ห้อง ซึ่งมีกำหนดจะเปิดให้บริการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

ทั้งนี้ เจ้าของบ้านโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าใช้สถานที่ต่างๆ ของโรงแรม รวมไปถึงบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การดูแลบ้าน การดูแลเด็ก (baby-sitting) ไปจนถึงบริการบัตเลอร์ พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการใช้บริการต่างๆ ห้องพัก อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้ง สปาอีกด้วย

นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า ที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่โครงการอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ บ้านแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟก็ขายดีมากเช่นเดียวกัน โดยสามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,720 ล้านบาท ณ เดือนพฤษภาคม 2565 

“บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม ‘มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า’ มุ่งตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ที่อยู่ด้วยกันหลากหลายเจนเนเรชั่น สำหรับครอบครัวที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกันในบ้านเดี่ยวหลายๆ หลังที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน โดยโครงการ มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า มีบ้านทั้งหมด 37 หลัง มีให้เลือกสามขนาด ตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 1,000 ตารางเมตรถึง 1,700 ตารางเมตร” นายกิตติพันธุ์ กล่าว

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นเส้นทางสู่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่กำลังเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยพื้นที่อันกว้างใหญ่ของ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ประกอบไปด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ ธรรมชาติ โครงการที่พักอาศัยหลากหลายแบรนด์ที่ตอบโจทย์หลากหลายไลฟ์สไตล์และช่วงวัย รวมไปถึงพื้นที่เพื่อกิจกรรมชุมชนต่างๆ และพื้นที่เชิงธุรกิจที่มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ท่ามกลางธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพ

ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์