Do & Don’t สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำก่อนรีโนเวตอาคาร
ปัจจุบันเกิดกระแสการพัฒนาย่านเมืองเก่าให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เราจึงพบเห็นการ รีโนเวท อาคารหรือบ้านเก่าได้บ่อยครั้ง และน่าจะเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ รีโนเวต
ซึ่งอาจเป็นเพราะหลายคนคิดว่าการ รีโนเวท คุ้มค่ากว่าการสร้างใหม่ หรือต้องการอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ เเละมีความจำเป็นต้องปรับการใช้งานอาคาร รวมถึงการเลือกอาคารในย่านเก่ามาสร้างเป็นแหล่งธุรกิจ ซึ่งมีทั้งการต่อเติมเพียงบางส่วนและรีโนเวตใหม่ทั้งหลัง
•ชมบ้านรีโนเวตหลังนี้แบบทุกซอกทุกมุม
ด้วยเหตุนี้ บ้านและสวน จึงนำ 10 สิ่งควรทำ และไม่ควรทำ สำหรับใช้เป็นข้อควรพิจารณาก่อนการรีโนเวตมาฝาก ดังนี้
1.Do : ตั้งโจทย์ให้ชัด
สิ่งสำคัญอย่างแรกในการรีโนเวตคือการตั้งโจทย์ หากมองในภาพรวมแล้วการรีโนเวตหมายถึงการคืนสภาพ ปรับปรุง หรือต่อเติมอาคารให้เหมาะสมตามความต้องการของเรา โจทย์สำคัญจึงอยู่ที่การวางเป้าหมายในการรีโนเวตให้ชัดเจน หลายท่านเข้าใจว่าการรีโนเวตใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างใหม่ โดยหารู้ไม่ว่าในความเป็นจริงแล้วบ้านที่สร้างใหม่กับบ้านที่รีโนเวตนั้นใช้งบประมาณใกล้เคียงกันเลยทีเดียว เพียงแต่บ้านรีโนเวตจะได้เปรียบเรื่องทำเลและสภาพแวดล้อมเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่โดยรอบได้ง่าย อีกทั้งบางอาคารยังมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม เหมาะนำกลับมารีโนเวตใหม่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
สำหรับการตั้งโจทย์ เราอาจกำหนดไว้คร่าว ๆ เช่น ต้องการรีโนเวตเพื่อใช้งานแบบประหยัด ต้องการปรับปรุงเพื่อการพาณิชย์ หรือต้องการปรับการใช้งานเพื่อรองรับสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทิศทางของการออกแบบมีความชัดเจน อันส่งผลไปยังงบประมาณและขั้นตอนการทำงานด้วย
2.Don’t : ทำเองทุกอย่าง
บางท่านอาจคิดว่างานง่าย ๆ บางอย่าง เช่น การเลือกซื้อวัสดุ หรือการทาสีผนัง สามารถจัดการได้เองและต้องการประหยัดงบประมาณ แต่ช้าก่อน! หากลองพิจารณาดูให้ดีแล้ว งบประมาณค่าแรงที่ประหยัดได้อาจไม่คุ้มสักเท่าไหร่ เช่น การซื้อวัสดุเองที่หากคำนวณพลาดก็ต้องเสียเงินและเสียเวลาไปซื้อเพิ่ม หรือซื้อมาเผื่อมากเกินจำเป็นส่วนงานทาสีที่อาจดูไม่ยากในตอนแรก แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยมากกว่านั้น การเตรียมพื้นผิวที่ไม่ดีอาจทำให้สีลอกล่อนเร็วกว่าเวลาอันควร การเลือกใช้ช่างมืออาชีพและปรึกษาผู้ชำนาญการจึงเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วการรีโนเวตบ้านหรืออาคารนั้นยังอาจมีปัญหาให้ต้องแก้ไขตามมาอีกมากมาย หากไม่ได้อยู่ในการดูเเลของช่างที่มีฝีมือคุณภาพดีพอ อาจทำให้เราหงุดหงิดเเละเสียเงินซ้ำซ้อนไปมาโดยใช่เหตุ
3.Don’t : เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เช่น ตัดคาน ทุบผนังรับน้ำหนัก รื้อพื้น ไม่ควรตัดสินใจเอง เพราะระบบโครงสร้างของบ้านมีอยู่หลายประเภท ที่สำคัญโครงสร้างเหล่านี้มักมีการรับแรงสัมพันธ์กันเป็นระบบ การรื้อโครงสร้างเพียงบางส่วนจึงอาจส่งผลกระทบไปถึงโครงสร้างอาคารทั้งหลังได้ โดยเฉพาะอาคารเก่าที่ไม่มีแบบก่อสร้างยิ่งควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการรีโนเวต
อีกทั้งอาคารเก่ามักมีปัญหาซ่อนเร้นอยู่ในระบบโครงสร้าง เช่น เหล็กเส้นในโครงสร้างปูนที่ได้รับความชื้นมักเกิดสนิม หรือคานเสาที่มีปัญหาปริแตก ซึ่งอาจซ่อนอยู่ในพื้นที่ที่มองไม่เห็นอย่างในฝ้าเพดาน จึงควรตรวจสอบสภาพและแก้ไขให้แข็งแรงเสียก่อน โดยมีข้อควรระวังในการรีโนเวตและต่อเติมบ้าน ดังนี้
- ไม่ฝากโครงสร้างส่วนต่อเติมไว้กับโครงสร้างเดิม เพราะโครงสร้างใหม่อาจดึงรั้งจนทำให้โครงสร้างเดิมเสียหายได้
- ห้ามทุบ หรือเจาะ ผนังหล่อสำเร็จรูป เเละผนังรับน้ำหนัก เพราะผนังเหล่านี้ทำหน้าที่แทนเสารับน้ำหนัก หากเกิดความเสียหายอาจส่งผลต่อโครงสร้างของอาคารได้
- ระวังการเพิ่มน้ำหนักให้อาคาร เช่น การทำสวน และบ่อน้ำบนดาดฟ้าที่ไม่ได้เตรียมโครงสร้างไว้ หรือการเปลี่ยนฟังก์ชันอาคารใหม่จากที่พักอาศัยมาเป็นสำนักงาน เพราะที่พักอาศัยจะออกแบบให้รับน้ำหนักบรรทุกจริงได้อย่างน้อย 150 กิโลกรัม / ตารางเมตร แต่สำนักงานต้องรับน้ำหนักบรรทุกจริงอย่างน้อย 250 กิโลกรัม / ตารางเมตร
4.Do : วางแผนให้รัดกุม
สิ่งท้าทายในการรีโนเวตอาคารเก่าคือ เมื่อทุบรื้อผนังและโครงสร้างเดิม เราไม่รู้ว่าจะพบอะไรที่เป็นอุปสรรคกับการก่อสร้าง จึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างสถาปนิก มัณฑนากร หรือวิศวกร เพื่อวางแผนการทำงานอย่างรัดกุม พร้อมทั้งคิดแผนสำรองเผื่อไว้หากพบสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจต้องมีการปรับแบบก่อสร้าง และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยครั้ง โดยเบื้องต้นควรวางแผนการทำงาน ดังนี้
- สรุปความต้องการให้ชัดเจน
- จ้างนักออกแบบ เพื่อทำแบบก่อสร้างและให้คำแนะนำในทุกเรื่อง ทั้งกฎหมาย ขั้นตอน และการแก้ปัญหา
- ยื่นขออนุญาต
- จัดจ้างผู้รับเหมา
- ทำแผนงานก่อสร้าง เพื่อกำหนดระยะเวลาการทำงานแต่ละขั้นตอนซึ่งจะสัมพันธ์กับการเบิกเงินในแต่ละงวดของผู้รับเหมา
- เตรียมพื้นที่ ทั้งการย้ายและเก็บของ หากเจ้าของยังอาศัยอยู่ขณะที่ก่อสร้าง จำเป็นต้องวางแผนให้ก่อสร้างเป็นส่วน ๆ
- บอกกล่าวเพื่อนบ้านข้างเคียง เพื่อลดความเสียหายและความขัดแย้ง
5.Do : ศึกษากฎหมายให้ดีก่อน
การต่อเติมและการรีโนเวต ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร ซึ่งพอจะสรุปความตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ.2528) ว่าด้วยเรื่องการดัดแปลงอาคารได้ว่าการดัดแปลงอาคารต่อไปนี้ต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้าง
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือโครงสร้างเหล็ก
- การต่อเติมที่เป็นการเพิ่มน้ำหนักแก่โครงสร้างเดิมเกิน 10 เปอร์เซ็นต์
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่ชั้นใดชั้นหนึ่งเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มเสาและคาน
- การต่อเติมหรือลดพื้นที่หลังคาเกิน 5 ตารางเมตร โดยมีการเพิ่มเสาคานและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อรีโนเวตบ้านหรืออาคารแล้วจะต้องยึดตามข้อกฎหมายปัจจุบันเป็นสำคัญ จึงมักมีข้อจำกัดมากขึ้น เช่น ตำแหน่งทางเข้าบ้านที่อาจต้องห่างจากถนนหลักมากขึ้น หรือระยะร่นที่เปลี่ยนไป