เล่าเรื่องสไตล์สวน: Formal garden - บ้านและสวน

เล่าเรื่องสไตล์สวน: Formal garden

“คลาสสิก เรียบหรู”

กล่าวกันว่า สวนฟอร์มัลนี้มีที่มาจากสวนเปอร์เซีย ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วนคือ โลก ท้องฟ้า น้ำ และต้นไม้ พรรณไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่ก็จะเป็นสมุนไพรและพืชผักต่างๆ ต่อมาจึงพัฒนามาใช้ไม้ดอกสีสันสวยงามเพื่อสร้างบรรยากาศ สวนฟอร์มัลที่ใช้วิธีตัดแต่งต้นไม้ให้เป็นรูปทรงแบบเรขาคณิตอย่างที่เห็นกันในปัจจุบันเป็นการพัฒนารูปแบบโดยชาวฝรั่งเศสและแพร่หลายไปทั่วยุโรปและทั่วโลก

แต่เดิมสวนแบบนี้นิยมทำในพระราชวังหรือบ้านขุนนาง พื้นที่สวนช่วยขับเน้นสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้โดดเด่น อลังการมากขึ้น สวนฟอร์มัลที่สวยงามและมีชื่อเสียงมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง สถานที่ๆ ควรไปชมอย่างยิ่งก็คือ พระราชวังแวร์ซายที่ฝรั่งเศสและพระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟที่รัสเซีย

องค์ประกอบของสวนฟอร์มัลมีอะไรบ้าง
ถ้าศึกษากันอย่างละเอียด จะพบว่าองค์ประกอบของสวนฟอร์มัลแบบเต็มรูปแบบนั้นมีมากและต้องใช้พื้นที่กว้างใหญ่ แต่ก็สามารถจัดบนพื้นที่ขนาดเล็กลงได้ ไม่ว่าจะใช้พื้นที่น้อยหรือมากเท่าไร สวนแบบนี้ก็มีหลักการใหญ่ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องการจัดวางน้ำหนักสวนให้สมดุล ทั้งซ้าย-ขวา มีทางเดินเป็นแกนกลางหรือโครงของสวน และใช้เป็นจุดนำสายตาไปยังจุดเด่นกลางสวน เช่น น้ำพุ ประติมากรรม หรือรูปปั้นขนาดใหญ่ ใช้พรรณไม้หลากหลาย ซึ่งก็มีทั้งไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้ใบ ไม้ดอกนานาชนิดที่จัดแต่งรูปทรงแบบเรขาคณิต

บ้านในปัจจุบันจัดสวนฟอร์มัลได้หรือไม่
การนำสวนฟอร์มัลมาปรับใช้กับบ้านในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ประยุกต์ให้มีลักษณะกึ่งฟอร์มัล แต่ยังคงสื่ออารมณ์แบบคลาสสิก มีไม้ตัดแต่งเพียงบางส่วน ผสมผสานกับพรรณไม้รูปทรงธรรมชาติ แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ตรงน้ำหนักความสมดุลของสวนทั้งสองฝั่ง แต่ไม่ต้องจัดวางให้เหมือนกัน

พรรณไม้ที่เหมาะกับสวนฟอร์มัล
พรรณใม้ที่เหมาะใช้ในสวนฟอร์มัล ก็คือ ประเภทที่สามารถตัดแต่งให้เกิดรูปทรงได้ อย่าง ไทรประเภทต่างๆ เช่น ไทรเกาหลี ไทรอินโด ไทรอังกฤษ ไทรจีน ไทรคอมแพ็ค รวมไปถึงพรรณไม้อย่าง แก้ว โมก นีออน ชาฮกเกี้ยน ชาข่อย มะนาวเทศ เทียนทอง  ฯลฯ

การดูแลสวน
นอกจากการให้น้ำและปุ๋ยทั่วไปแล้ว หัวใจหลักยังอยู่ที่ “การตัดแต่ง” ควรหมั่นตัดกิ่งที่ยื่นยาวออกนอกทรงเป็นประจำทุก 30-45 วัน ยกเว้นต้นชาฮกเกี้ยนที่โตเร็วมาก ควรตัดทุก 15 วัน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานจนเสียรูป ต้องเสียเวลาแต่งทรงกันใหม่ อีกทั้งทรงพุ่มด้านบนอาจบังแสง ทำให้โคนต้นทิ้งใบจนร่วงโกร๋น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้วจะแก้ไขได้ยาก อาจต้องเปลี่ยนต้นไม้ใหม่ หากต้องการเก็บไว้อาจปลูกไม้คลุมดินบังส่วนโคนต้นที่ไม่สวยงาม หรือปล่อยกิ่งล่างสุดให้ยาวแล้วใช้เอ็นโยงกิ่งให้บังส่วนโคนด้านล่าง ดังนั้นควรจำไว้ “ยิ่งตัดแต่งยิ่งแน่นสวย” หากบ้านใครจัดสวนรูปแบบนี้ก็อย่าลืมตัดแต่งต้นไม้กันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ

ข้อมูลจาก มือใหม่จัดสวนอังกฤษ
เรียบเรียงโดย ทิพาพรรณ ศิริเวชฎารักษ์