อีกก้าวของสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยสู่เทรนด์โลก ในงาน The Marché by STYLE Bangkok 2022
งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น The Marché by STYLE Bangkok 2022 ที่มาพร้อมแนวคิด “Global Trends, Your Styles” ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ถึงศักยภาพการปรับตัวสู่กระแสเทรนด์โลกของผู้ผลิตไทย ทั้งในเรื่องความสามารถในการเลือกใช้วัตถุดิบ นวัตกรรม และการคำนึงถึงมาตรฐานในการส่งออกเพื่อให้โดนใจตลาด ฉายแววอนาคตของอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ที่จะโลดแล่นไปต่อในตลาดโลกด้วยการกวาดยอดขายถึง 10 ล้านบาท
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า เนื่องด้วยปัจจัยภายใน ได้แก่ นโยบายเชิงรุกและนโยบายลึกของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปัจจัยภายนอก ได้แก่ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทยมีคุณภาพและการออกแบบที่สวยงามเป็นที่ต้องการของตลาด Trade War ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน (Work from home) มีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ ได้กลับมาขยายตัวเกินเป้าในปี 2564 ถึง 18.4% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.9 แสนล้านบาท ซึ่งภายในงาน The Marché by STYLE Bangkok 2022 จัดระหว่างวันที่ 18-22 พฤษภาคม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ผ่านมา มียอดจำหน่าย 5 วันเกือบ 10 ล้านบาท มีการจับคู่เจรจาการค้ากับ 21 ประเทศกว่า 190 คู่ ทั้งนี้ กรมฯ จะเดินหน้ากระตุ้นการส่งออกต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการส่งออก ปี 2565 สำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นให้ขยายตัว 7.5% แบ่งเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ 5% และสินค้าแฟชั่น 10%
แบรนด์ไทยที่รวบรวมมาจัดแสดงภายในงานแสดงสินค้า The Marché by STYLE Bangkok 2022 รวม 150 ราย แบ่งเป็นกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน 43 ราย กลุ่มของขวัญของชำร่วย ของใช้ในบ้าน 53 ราย และกลุ่มแฟชั่นและเครื่องหนัง 54 ราย ซึ่งล้วนมีความโดดเด่นในแง่ของการสอดรับกับเมกะเทรนด์โลก ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติ ความเป็น Organic ไปจนถึงลักษณะเฉพาะตัวของแบรนด์ที่หาที่อื่นไม่ได้ ซึ่งสร้างความสนใจต่อผู้ซื้อจากไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก
หนึ่งในนั้นคือ อภินันท์ มหาศักดิ์สวัสดิ์ ผู้บริหารแบรนด์ Hide and Seek หรือ Start-up บริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด ได้นำสินค้าจากการคิดค้นจนได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลังดีต่อสุขภาพแมวเจ้าแรกในไทยและในโลก โดยการนำวัตถุดิบมันสำปะหลังที่หาได้มากในไทย มาผ่านกระบวนการความร้อนที่เหมาะสม จนเปลี่ยนสถานะเป็น modified starch ทำให้มีคุณสมบัติในการจับตัวโดยไม่ต้องใช้สารเคมี หรือไร้สารเคมี 100% แต่งกลิ่นแบบ food grade และยังสามารถนำมาจำหน่ายในราคาท้องตลาด โดยเปิดเผยว่าภายในงานได้รับความสนใจยิ่งจากผู้นำเข้าประเทศญี่ปุ่น
ผู้ผลิตรายใหญ่ของแวดวงสินค้าจากวัสดุ PE มากกว่า 40 ปีอย่าง บริษัท สหชัย โปรโมชั่น จำกัด ยังกระโดดเข้ามาจับวัสดุธรรมชาติอย่างกัญชง ฟางข้าว และเศษไม้ โดยแสงชัย จิตบุญทวีสุข รองกรรมการผู้จัดการ นำแบรนด์ Hempology ภาชนะใส่อาหารที่ทำจากเส้นใยกัญชง ผสมพลาสติกย่อยสลายได้ เกรด A รูปทรงสวยงาม น้ำหนักเบา มาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้ โดยเป้าหมายของแบรนด์คือผลิตภาชนะเพื่อให้ใช้งานซ้ำให้ได้มากที่สุด ย่อยสยายได้ภายใน 5-10 ปี โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งได้รับความสนใจไม่น้อยจากผู้ซื้อชาวญี่ปุ่น
และ รชาดา ส่งเสริมสวัสดิ์ เจ้าของผลิตภัณฑ์เซรั่ม Natural & Eco-Friendly Product จากกัญชงที่มีสารอาหารสำหรับผิวสูงที่ช่วยเรื่อง Anti-Aging แบรนด์ Lalyss Organic Creation เปิดเผยว่า อาศัยช่วงโควิด-19 ในการทำวิจัย ค้นคว้า และเข้าอบรมกับ DITP สร้างแบรนด์สินค้าขึ้น โดยดึงกัญชงมาเป็นตัวหลักของสินค้า ซึ่งสามารถช่วยลดขยะจากการผลิต และเนื่องจากตั้งเป้าตลาดต่างประเทศเป็นหลัก จึงเน้นการทำ Lab Test ให้ได้รับ Certificate ยืนยันในเรื่องมาตรฐาน อีกทั้งทำการขอตราสัญลักษณ์ Vegan จาก PETA ซึ่งเป็นตราที่เครื่องสำอางแบรนด์ใหญ่ๆ ได้รับ อีกทั้งผสานศาสตร์ของพลังงาน การปรับสมดุลของร่างกาย มาใช้กับผลิตภัณฑ์กัญชงซึ่งเป็นพืชที่มีประสิทธิภาพในการเยียวยาแบบธรรมชาติด้วย นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมจับคู่เจรจาการค้ากับผู้นำเข้าจากซาอุดิอาระเบียและญี่ปุ่นอีกด้วย
นอกจากเป็นงานแสดงสินค้าที่เปิดโอกาสให้สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นแบรนด์ไทยได้โชว์ศักยภาพแล้ว งานซึ่งจัดในรูปแบบไฮบริด ยังสะท้อนการปรับตัวสู่ยุค Next Normal นอกจากการจำหน่ายปลีกแล้ว ยังมีการจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ หรือ OBM ผสานกิจกรรม Live Streaming ตลอดการจัดงาน เพื่อให้กลุ่มผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศได้ชื่นชมสินค้าไทย
ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.stylebangkokfair.com เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม STYLE Bangkok Fair หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169