10 ไม้เลื้อยดอกหอม กับเคล็ดลับทำให้ออกดอกสวย
ยังคงเป็นต้นไม้ที่ใครๆ ก็ตามหา สำหรับ ไม้เลื้อยดอกหอม ไม่ว่าจะเป็นไม้เลื้อยดอกหอมที่ออกดอกทั้งปี หรือออกดอกตามฤดูกาล เพราะขึ้นชื่อว่าสวนสวยย่อมอยากให้เป็นสวนมีกลิ่นหอมอบอวลด้วยเช่นกัน
ก่อนจะไปรู้จัก ไม้เลื้อยดอกหอม ลองมาทำความรู้จักสิ่งสำคัญในการปลูกไม้เลื้อยกันก่อน อย่างแรกคือ ดินปลูก ซึ่งไม้เลื้อยส่วนมากชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี สามารถใช้ดินที่มีจำหน่ายในท้องตลาดได้ หรือผสมเองโดยใช้ ดินร่วน ปุ๋ยคอก กาบมะพร้าวสับ ทราย ผสมกันในอัตราส่วนเท่ากัน
ในส่วนของแสงแดดนั้นควรปลูกในตำแหน่งที่แสงส่องถึงอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หากปลูกพรรณไม้เลื้อยดอกหอมชนิดที่ต้องการแสงแดดตลอดวันก็ควรพิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย การรดน้ำไม้เลื้อยควรรดให้ชุ่มในช่วงเช้าจะช่วยให้รากเจริญเติบโตได้ดี แต่ระวังอย่าให้ดินแฉะเกินไป หากปลูกไม้เลื้อยในช่วงฤดูฝนจะทำให้ได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เลื้อยพันได้เร็วขึ้น
ส่วนการให้ปุ๋ยนั้นเป็นเรื่องจำเป็นยิ่งโดยเฉพาะช่วงออกดอก ควรบำรุงด้วยปุ๋ยเม็ดที่มีธาตุฟอสฟอรัสสูงเช่น 15 30 15 จะทำให้ไม้เลื้อยที่ปลูกมีดอกสีสันสดใสสวยงาม หลังจากดอกเริ่มโรยให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพิ่มทดแทนสารอาหารที่เสียไป แต่หากเป็นช่วงที่ต้นไม้เติบโตใส่ปุ๋ยสูตร 15 15 15 ได้ตามปกติ
ครานี้มาดูกันบ้างว่า พรรณไม้เลื้อย มีชนิดใดที่มีดอกหอมและชนิดใดออกดอกทั้งปีบ้าง เราเรียงลำดับตามช่วงเวลาที่ออกดอกไว้ให้แล้ว
1 | พวงแก้วมณี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clematis paniculata Thunb.
พวงแก้วมณีมีอีกชื่อเรียกว่า พวงวิวาห์ ด้วยรูปดอกสีขาวขนาดเล็กทำให้ดูน่ารัก แต่น่าเสียดายนักที่ดอกพวงแก้วมณีจะบานและส่งกลิ่นหอมพียงแค่ 2 วันเท่านั้น แต่ในจังหวะที่บานนั้นจะบานทั้งพวงช่อทำให้ดูสวยงามน่ามอง หากปลูกพวงแก้วมณีอย่าลืมคำนึงถึงซุ้มไม้เลื้อย เพื่อรับน้ำนักด้วยเพราะเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ทอดยาวได้ถึง 9 เมตร ปลูกได้ดีในดินร่วน ชอบแสงเต็มวัน หากมีอากาศหนาวเย็นจะเติบโตได้ดี
ฤดูออกดอก : มกราคม-มีนาคม
2 | ชมนาด
ชื่อวิทยาศาสตร์: Vallaris glabra (L.) Kuntze
กลิ่นหอมนุ่มเป็นเอกลักษณ์คล้ายข้าวใหม่ผสมใบเตย และหอมมากในช่วงเย็น ทำให้ชมนาดกลายเป็นดอกไม้อีกหนึ่งชนิดที่นิยมนำมาอบน้ำเพื่อทำข้าวแช่ ลอยน้ำดื่มพร้อมกลิ่นหอมๆ ชื่นใจ และทำเครื่องหอม ชมนาดออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมากคล้ายรูประฆังคว่ำ กลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน กลีบดอกสีขาว โคนกลีบสีเขียวอ่อนเชื่อมติดกัน แม้ว่าดอกชมนาดจะร่วงเร็วเพียงแค่ 1-2 วัน แต่ก็นิยมปลูกประดับสวนเป็นซุ้มไม้เลื้อยและซุ้มทางเดินซึ่งเดือนเมษายนจะออกดอกมากเป็นพิเศษ
ฤดูออกดอก : มกราคม-มิถุนายน
3 | สายหยุด
ชื่อวิทยาศาสตร์: Desmos chinensis Lour.
กลีบดอกที่เรียวยาวปลายเรียวแหลม ซ้อนด้วยกลีบในที่เล็กกว่า รูปทรงกลีบดูคล้ายบิดงอแต่แฝงไปด้วยความน่ารักน่ามอง บวกกับโทนสีที่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองเมื่อบานเต็มที่ทำให้ปฏิเสธ ไม่ได้เลยว่า สายหยุด เป็นอีกหนึ่งไม้เลื้อยดอกหอมที่น่าสนใจ หากปลูกในทิศที่มีแสงเต็มวันควรพรางแสงให้ได้รับแสง 50% และด้วยเป็นไม้พุ่มเนื้อแข็งขนาดกลางมีใบดกจึงเหมาะที่จะปลูกเป็นซุ้มไม้บังแดดได้ดี
ฤดูออกดอก : เมษายน-ตุลาคม
4 | กุมาริกา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Parameria laevigata (Juss.) Moldenke
เป็นอีกหนึ่งไม้เลื้อยเนื้อแข็งที่มีรูปดอกงดงาม นามก็เพราะ เวลาออกดอกจะบานพร้อมกันทั้งช่อ แต่ละช่อมีดอกย่อยมากถึง 80 ดอกด้วยกัน ปัจจุบันกุมาริกามีสายพันธุ์ใบด่างที่สวยงามไม่แพ้กัน ปลูกได้ในดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ชอบแสงเต็มวัน เคล็ดลับในการปลูกเลี้ยงกุมาริกาให้แตกกิ่งออกดอกจำนวนมาก คือหมั่นตัดแต่งกิ่งให้กิ่งแตกยอดใหม่ก็จะได้จำนวนดอกที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ฤดูออกดอก : ตุลาคม-ธันวาคม
5 | มะลิพริมโรส
ชื่อวิทยาศาสตร์: Jasminum mesnyi Lindl.
แม้มะลิในเมืองไทยจะมีหลายร้อนชนิด แต่มะลิพริมโรสหรือเรียกกันว่าจัสมินเหลือง น่าจะเป็นมะลิชนิดหนึ่งที่สามารถปลูกเป็นไม้เลื้อยได้ แม้ว่าแท้จริงแล้วจะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยก็ตาม รูปดอกของมะลิพริมโรสนั้นแตกต่างจากมะลิที่เห็นโดยทั่วไป ซึ่งนอกจากจะมีกลีบดอกสีเหลืองสด กลีบดอกเรียงซ้อนแล้ว ลำต้นยังเป็นเหลี่ยมอีกด้วย หากปลูกในที่มีแสงทั้งวัน รดน้ำสม่ำเสมอ และบริเวณนั้นมีอากาศเย็นจะออกดอกได้ด้วย
ฤดูออกดอก : พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
6 | เล็บมือนาง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Quisqualis combretum indicum (L.) DeFilipps
นับว่า เล็บมือนางเป็นพรรณไม้เลื้อยดอกหอมที่ปลูกง่าย ดูแลง่าย ทั้งยังทนน้ำท่วม จึงนิยมปลูกประดับบ้านทำซุ้มบังแดด และปลูกประดับริมรั้ว ใบอ่อนเล็บมือนางสามารถรับประทานทั้งแบบสดหรือ นึ่ง ชุบแป้งทอด ลวก ส่วนเมล็ดเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่มีประโยชน์หลายอย่างทีเดียว อย่างขับพยาธิ ต้านเชื้อแบคทีเรียในผิวหนัง เป็นต้น ดอกเล็บมือนางส่งกลิ่นหอมนุ่มในช่วงเย็นด้วย
ฤดูออกดอก : ธันวาคม-กุมภาพันธ์
7 | หิรัญญิการ์
ชื่อวิทยาศาสตร์: Beaumontia grandiflora Wall.
อีกหนึ่งพรรณไม้เลื้อยที่เหมาะจะทำซุ้มทางเดินหรือซุ้มบังแดด เพราะชอบแดดจัดและเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งและมีใบหนายาวได้ถึง 18 เซนติเมตรมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า กำลังช้างสาร ดอกหิรัญญิการ์มีสีขาวผ่อง ออกดอกเป็นช่อ แต่ละช่อมีดอกย่อย 4 – 5 ดอกด้วยกัน รูปดอกคล้ายดอกลิลลี่ บวกกับมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจจึงได้สมญานามว่าเป็น ราชาแห่งไม้เลื้อย
ฤดูออกดอก : ธันวาคม-เมษายน
8 | มะลิก้านแดง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Jasminum grandiflorum L.
มะลิก้านแดง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า พุทธชาดก้านแดง เป็นต้นมะลิอีกประเภทที่น่าปลูกประดับในสวน ซึ่งนอกจากจะมีดอกสวยงามน่ามองแล้ว มะลิก้านแดงยังออกดอกทั้งปีและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ นิยมนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย และด้วยเป็นไม้เลื้อยเนื้อขนาดกลางจึงสามารถปลูกให้เลื้อยประดับกำแพงรั้ว ผนังบ้านได้
ฤดูออกดอก : ตลอดปี
9 | สร้อยฟ้า
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflorax alato-caerulea
ดอกสีม่วงรูปดอกทรงกลมห้อยลงพร้อมรยางค์เป็นเส้นสีม่วง เพิ่มเสน่ห์ให้กับดอกสร้อยฟ้า ซึ่งเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ชวนดูชวนมองและน่าสนใจมากเลยทีเดียว ที่สำคัญดอกสร้างฟ้าสามารถทานเป็นอาหารหรือจะนำมาลอยในอ่างน้ำสำหรับตกแต่งบ้านก็สวยไปอีกแบบ สร้อยฟ้าเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่จึงควรคำนึงถึงซุ้มพยุง มีมือเกาะออกตามซอกใบ ลำต้นเป็นเหลี่ยม ชอบแสงแดดเต็มวัน และออกดอกดกในช่วงหน้าฝน
ฤดูออกดอก : ตลอดปี
10 | สายน้ำผึ้ง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Lonicera japonica Thunb.
แค่ชื่อก็สื่อถึงความหวานละมุนสำหรับสายน้ำผึ้งพรรณไม้เลื้อยที่มีดอกเป็นรูปหลอด กลีบดอกบานวันแรกจะเป็นสีขาวก่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนถึงเหลืองเข้ม กลีบดอกแยกเป็น 2 ส่วนคือส่วนบนมี 1 กลีบ ส่วนล่างมี 4 กลีบ มองดูแล้วมีความน่ารักน่ามองไม่เบา สายน้ำผึ้งเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดกลางทำให้มีน้ำหนักไม่มากจึงเหมาะที่ปลูกเป็นซุ้มบังแดด ลำต้นแข็งและเหนียวมีขนนุ่มปกคลุม ชอบแดดเต็มวัน ออกดอกดกในช่วงเดือนมีนาคม
ฤดูออกดอก : ตลอดปี
นอกจากนี้ยังมีไม้เลื้อยอีกหลายชนิดให้เลือกปลูก จากหนังสือ ไม้เลื้อย สั่งซื้อได้ที่สำนักพิมพ์บ้านและสวน
เรื่อง : JOMM YB
ภาพ : สำนักพิมพ์บ้านและสวน
ไปรู้จักไม้เลื้อยมากกว่า100 ชนิด
เป็นเพื่อนกันเราได้ใน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40slo7204x