ตรวจเช็กจุดเสี่ยง ไฟรั่ว ป้องกันอันตรายหลังน้ำลด
ไฟรั่ว สามารถเกิดขึ้นหลังจากน้ำท่วม เนื่องจากน้ำที่ซึมเข้าสู่ระบบไฟฟ้า เช่น สายไฟ ปลั๊กไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เกิดการลัดวงจร น้ำเป็นสื่อนำไฟฟ้า จึงเพิ่มโอกาสในการเกิดกระแสไฟรั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้
จุดเสี่ยง ไฟรั่ว หลังน้ำท่วมมีหลายจุดที่ควรตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า
- เต้าเสียบไฟ : หากปลั๊กไฟหรือเต้าเสียบถูกน้ำท่วม น้ำที่ยังคงอยู่ภายในอาจทำให้เกิดไฟฟ้ารั่ว
- สวิตช์ไฟ : สวิตช์ไฟที่ติดตั้งบนผนังอาจถูกน้ำซึมเข้าไปในกล่องหรือภายใน ทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่ว
- สายไฟฟ้า : สายไฟฟ้าที่อยู่ต่ำหรือถูกติดตั้งในจุดที่น้ำท่วมอาจเสียหายจากการแช่น้ำ โดยเฉพาะสายไฟที่เก่าหรือเสื่อมสภาพ อาจเกิดรอยแตก ทำให้เกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า
- เครื่องใช้ไฟฟ้า : เครื่องใช้ไฟฟ้าที่วางอยู่ใกล้พื้นหรือถูกน้ำท่วม อาจมีน้ำซึมเข้าไปในตัวเครื่อง ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้ารั่วเมื่อเปิดใช้งาน
- กล่องไฟฟ้าหรือตู้ไฟฟ้า : หากน้ำท่วมสูงถึงระดับตู้ไฟหรือกล่องควบคุมไฟฟ้า อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่วไปยังจุดอื่น ๆ ในบ้าน
- ระบบสายดิน (Grounding) : ระบบสายดินที่ถูกน้ำท่วมอาจไม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การป้องกันไฟฟ้ารั่วไม่สามารถทำงานได้ดีพอ
- เครื่องปรับอากาศ : หากตัวคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศถูกน้ำท่วม อาจมีความเสี่ยงในการรั่วของไฟฟ้าผ่านตัวเครื่องหากยังมีน้ำหลงเหลืออยู่
- แผงวงจรไฟฟ้า (Electrical Panel) :หากแผงวงจรไฟฟ้าหรือตู้ควบคุมไฟฟ้าถูกน้ำท่วม น้ำอาจเข้าไปภายในวงจร ทำให้เกิดไฟฟ้ารั่วไหลไปยังระบบอื่น ๆ
- ไฟฟ้าภายนอกบ้าน : ไฟที่ติดตั้งนอกบ้าน เช่น โคมไฟสวน, ปลั๊กไฟภายนอก, หรือสายไฟฟ้าที่อยู่กลางแจ้ง อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดไฟฟ้ารั่วหากน้ำท่วมถึง
การเช็กจุดเสี่ยงไฟรั่วหลังน้ำท่วมเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อความปลอดภัย สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ตัดไฟทั้งหมด : ปิดสวิตช์เมน (Main Breaker) ของไฟฟ้าในบ้านทันที เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
- เช็กระดับน้ำท่วม : ตรวจสอบว่าน้ำท่วมสูงถึงระดับใด ถ้าน้ำได้เข้าถึงเต้าเสียบไฟฟ้า, สวิตช์ไฟ, หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ควรระวังการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- ตรวจสอบปลั๊กไฟและสวิตช์ไฟ : เช็กดูว่ามีคราบน้ำหรือความชื้นอยู่ในบริเวณปลั๊กไฟหรือสวิตช์ไฟหรือไม่ หากพบให้ถอดปลั๊กหรือไม่ใช้งานจนกว่าจะแน่ใจว่าแห้งสนิท
- ตรวจสอบสายไฟ : หากสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าใด ๆ ถูกน้ำท่วม ควรตรวจสอบว่ามีรอยแตก, ชำรุด หรือเสื่อมสภาพหรือไม่ หากมีความเสียหายควรเปลี่ยนใหม่
- เครื่องใช้ไฟฟ้า : ห้ามเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่ถูกน้ำท่วมก่อนที่จะตรวจสอบและทำความสะอาดหรือซ่อมแซมโดยผู้เชี่ยวชาญ
- ใช้เครื่องวัดไฟรั่ว : ใช้เครื่องวัดไฟรั่วเช็กเต้าเสียบ, ปลั๊กไฟ, และสวิตช์ เพื่อดูว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลหรือไม่ หากมีไฟแสดงเตือน ไม่ควรใช้งานระบบไฟในบริเวณนั้น
วิธีการซ่อมและแก้ไขไฟรั่วหลังน้ำท่วม
- ตัดไฟทันที : ปิดสวิตช์ไฟและเบรกเกอร์หลักเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต
- ตรวจสอบความเสียหาย : ตรวจเช็กปลั๊ก สายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จมน้ำหรือมีความชื้น หากเสียหายควรเปลี่ยนใหม่
- เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ : ให้ช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตตรวจสอบระบบไฟทั้งหมด โดยเฉพาะบริเวณที่น้ำท่วม
- เปลี่ยนสายไฟและอุปกรณ์ : สายไฟที่ถูกน้ำท่วมควรเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อป้องกันไฟรั่วในอนาคต
- ติดตั้งระบบป้องกันไฟรั่ว : เช่น ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในครั้งต่อไป
การตรวจสอบจุดเสี่ยงเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันอันตราย ควรทำงานร่วมกับช่างไฟฟ้ามืออาชีพเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาในระบบไฟฟ้าของบ้าน
เรื่อง : Pakaho
ภาพ : คลังภาพบ้านและสวน
กาวร้อนเลอะติดมือ ทำอย่างไรให้หลุดออกได้ง่าย?
ตรวจสอบโครงสร้างบ้านผ่านรอยร้าว
ติดตามบ้านและสวน facebook.com/baanlaesuanmag