หน้าร้อน สีสันจากไม้ดอกที่ไม่กลัวแดด - บ้านและสวน

หน้าร้อน สีสันจากไม้ดอกที่ไม่กลัวแดด

หน้าร้อน ที่ร้อนจัดของประเทศไทยนั้น นับวันยิ่งร้อนขึ้น แต่ยังมีสีสันของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหมือนอาบแดดไม่ ยิ่งแดดจัดยิ่งสีสด

หน้าร้อน

หน้าร้อน ทองอุไร

นิยมปลูกเป็นไม้กระถางหรือปลูกประดับแปลง ปัจจุบันในตลาดต้นไม้มีทั้งทองอุไรแคระ ทองอุไรสีส้ม และพันธุ์ที่มีดอกสีแปลกตาอย่าง ทองอุไรสปาร์คกี้ ไม้ประดับนำเข้าจากออสเตรเลีย ซึ่งพัฒนาพันธุ์มาจากทองอุไร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tecoma stans ‘Sparky’ ลักษณะทั่วไปเหมือนทองอุไรแต่ทรงพุ่มกะทัดรัดกว่า

เกร็ดน่ารู้:  มีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาเขตร้อนถึงหมู่เกาะเวสต์อินดิส

หน้าร้อน

ชมพูพันธุ์ทิพย์

ชมพูพันธุ์ทิพย์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Tabebuia rosea (Bertol.) DC. วงศ์ Bignoniaceae มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ตั้งชื่อไทยโดย หลวงบุเรศรบำรุงการ เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณท่าน หรือหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ผู้นำพรรณไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูกเป็นคนแรกในเมืองไทยราวปีพ.ศ. 2490 ปัจจุบันกลายเป็นไม้ประดับที่พบทั่วไป

ทั้งนี้กลุ่มต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม ยังได้รับเลือกเป็น รุกข มรดก ของแผ่นดิน โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ.2562

หน้าร้อน

พวงชมพู

พวงชมพู มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Antigonon leptopus Hook. & Arn. วงศ์ Polygonaceae เป็นประเภทไม้เลื้อยขนาดกลาง อายุหลายปี ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเว้ารูปหัวใจ กลีบดอกสีขาวหรือชมพู ออกดอกตลอดปี แต่ดอกจะดกในฤดูร้อน อัตราการเจริญเติบโตเร็ว ควรหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี และชอบแสงแดดเต็มวัน ไม่ชอบน้ำขังแฉะ แข็งแรงทนทาน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และปักชำกิ่ง

และยังถือเป็นพรรณไม้สื่อถึงความรัก โดยความหมายนั้นสืบเนื่องมาจากกลีบดอกที่มีความบอบบางและมีสีชมพูซึ่งสื่อถึงความรักอันบริสุทธิ์ ต้นพวงชมพูจึงหมายความว่า การให้และการดูแลความรักอันบริสุทธิ์สำหรับหัวใจที่บอบบางนี้ให้คงอยู่ตลอดไปนั่นเอง

หน้าร้อน

เฟื่องฟ้า

สำหรับเฟื่องฟ้า เป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยมีอายุหลายปี มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bougainvillea spp.and hybrid จัดอยู่ในวงศ์ Nyctaginaceae ปลูกง่ายและทนต่อสภาพอากาศ สำหรับในประเทศไทย มีการนำพันธุ์เฟื่องฟ้าเข้ามาจากสิงคโปร์ครั้งแรกราว ค.ศ. 1880 ในสมัยรัชกาลที่ 5 พันธุ์เฟื่องฟ้าในประเทศไทยมีไม่น้อยกว่าต่างประเทศ เนื่องจากเฟื่องฟ้าเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย และกลายพันธุ์เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ขึ้นมากมาย

ข้อเสียของ เฟื่องฟ้า คือการที่กิ่งมีหนาวเล็กๆ และสามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 10 เมตร จึงต้องทำการตัดแต่งกิ่งอยู่เรื่อยๆ โดยลักษณะของทรงพุ่มสามารถตัดแต่งและบังคับทิศทางการเจริญเติบโตได้

หน้าร้อน

คุณนายตื่นสาย

ชื่อวิทยาศาสตร์ Portulaca umbraticola Kunth วงศ์ Portulacaceae ดอกบานเมื่อได้รับแสงแดดตอนเช้า สีขาว ชมพู แดง เหลือง ส้ม ออกเดี่ยวตามซอกใบหรือปลายกิ่งกลีบดอกชั้นเดียว บอบบาง ขอบกลีบดอกหยักเป็นคลื่น ปลูกเลี้ยงง่าย เหมาะปลูกคลุมดินในที่โล่ง หมั่นตัดแต่งกิ่งแห้งก็จะให้ดอกตลอดปี

ชบา

ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibicus spp. วงศ์ Malvaceae ปักชำกิ่ง ตอนกิ่งและเสียบกิ่ง มีลูกผสมพันธุ์ต่างๆ มากมาย เรียก ชบาฮาวาย มีดอกสีต่างๆ กัน ปลูกเป็นไม้พุ่มสามารถตัดแต่งให้พุ่มเล็กหรือใหญ่ขึ้นตามต้องการ แต่ต้นที่ใช้ทำรั้วได้ดีควรเป็นจำพวกดอกสีขาว ชมพู ส้ม

ผกากรองเลื้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ Lantana camara L. วงศ์ Verbenaceae เป็นไม้พุ่มหรือไม้พุ่มรอเลื้อยอายุหลายปี ใบและดอกมีกลิ่นฉุน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ช่อละ 10 – 20 ดอก รูปกรวย โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอด

โมก

ชื่อวิทยาศาสตร์ Wrightia religiosa (Tejsm & Binn.) Benth. ex Kurz วงศ์ Apocynaceae ช่อดอกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง กลีบดอกสีขาว โคนกลีบเชื่อมติดกัน มีทั้งกลีบดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี แต่ดอกดกในช่วงปลายฤดูหนาวเข้าฤดูร้อน

เหลืองปรีดียาธร

เหมาะปลูกเป็นแนวทางเดินในสวน หรือริมถนน ให้ดอกและทรงต้นสวยงาม ปลูกเลี้ยงง่าย สามารถปลูกเป็นไม้กระถางก็ผลิดอกได้ ซึ่งมีผู้นำมาปลูกเป็นบอนไซแล้ว มีไม้ประดับอีก 2 ชนิดที่มีลักษณะคล้ายกัน คือ “เหลืองอินเดีย” (Handroanthus chrysanthus) ใบย่อยรูปรีปลายเรียวแหลม และไม่ติดฝัก และ “เหลืองเชียงราย” (H. chrysotrichus) ช่อดอก ใบและฝักขนสีน้ำตาลปกคลุม พบปลูกมากทางภาคเหนือ  

การปลูก : ดินทุกประเภท น้ำน้อยถึงน้ำปานกลาง แสงแดดตลอดวัน โตช้า ทนแล้ง ทนลมแรง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

กัลปพฤกษ์

ไม้ต้นผลัดใบ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cassia bakeriana Craib ในวงศ์ Fabaceae ออกดอกเป็นช่อกระจะออกตามกิ่งสีชมพู และเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อใกล้โรย เกสรเพศผู้สีเหลือง ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ผลเป็นฝักกลม เมื่อแก่สีดำ เนื้อในสีขาว เติบโตได้ในดินร่วนปนทราย ชอบน้ำน้อย ทนแล้งได้ดี ชอบแสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกในที่โล่งเพราะรูปทรงสวยงาม เวลามีดอกเต็มต้นเด่นสะดุดตาเป็นสีชมพูเข้มเมื่อเริ่มบาน และเปลี่ยนเป็นสีขาวเมื่อใกล้โรย ไม่ควรปลูกเป็นจำนวนมากในที่เดียวเพราะมีแมลงเจาะไชกิ่งและลำต้นอาจตายได้ทั้งกลุ่ม


บทความที่เกี่ยวข้อง

เอลนีโญ สายเขียวรับมือด้วยต้นไม้ใช้น้ำน้อย

ทองกวาว ไม้ยืนต้น ดอกสวยสีสด

ติดตามไอเดียบ้านและสวนเพิ่มเติมได้ทาง : บ้านและสวน Baanlaesuan.com