รวม 20 ปัญหาในสวนยอดฮิต ตอบโดยกูรูมืออาชีพ - บ้านและสวน

รวม 20 ปัญหาในสวนยอดฮิต ตอบโดยกูรูมืออาชีพ

เพราะทุกปัญหาต้องมีคำตอบ เราจึงรวบรวมปัญหาในสวนยอดฮิตที่หลายคนเอามาถามกับทีมงานบ้านและสวนอยู่บ่อยครั้ง พร้อมคำตอบจาก 2 นักจัดสวนและภูมิสถาปนิกชื่อดัง คุณปณัฐ สุมาลย์โรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอโกล่าร์ จํากัด และคุณดนัยวิทย์ อยู่คง ภูมิสถาปนิก บริษัท โลโก้เท่ากับ จํากัด แต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

ลักษณะการขุดหลุมรอบโคนต้นไม้พร้อมตัดรากแขนงรอบๆจนเหลือเฉพาะตุ้มราก เพื่อเตรียมยกใส่ผ้ากระสอบไปปลูกบริเวณอื่น

1.ถ้ามีต้นไม้ใหญ่แล้วต้องการขุดย้ายไปปลูกที่อื่นต้องทําอย่างไร

เราต้องรู้ก่อนว่าชนิดพันธุ์ต้นไม้ที่เราจะขุดไปปลูกนั้นมีระบบรากเป็นอย่างไรและมีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมแค่ไหน โดยไม่ควรเป็นต้นไม้ที่อยู่ในช่วงแตกยอดอ่อน เพราะใบยังต้องการน้ําเลี้ยงขึ้นไปบํารุงมาก

สําหรับการขุดสด ส่วนมากจะใช้กับต้นไม้ทนแล้งและมีอัตราการเจริญ-เติบโตเร็วหรือมีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 4 นิ้ว อย่างพวกแคนา ตีนเป็ดน้ํา ลั่นทม ทองหลางน้ํา เป็นต้น เราแค่ลิดใบ ตัดแต่งกิ่งและทรงพุ่มใบให้บางเพราะเมื่อเราตัดรากต้นไม้ให้เล็กลง จํานวนใบก็ควรน้อยลงตามไปด้วยเพื่อลดการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ จากนั้นก็ล้อมโดยเซาะร่องดินห่างจากโคนต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดของรากแก้ว ยิ่งขนาดตุ้มใหญ่โอกาสรอดก็มาก จากนั้นตัดรากแขนงออก มัดดินที่โคนติดกับรากด้วยเชือกฝางแล้วใช้กระสอบป่านคลุมตุ้มดินอีกทีเพื่อป้องกันตุ้มดินแตก

ส่วนการล้อมเตือนหรือล้อมคาหลุมใช้กับต้นไม้ที่มีความเปราะบาง โดยจะขุดดินรอบลําต้นไปจนถึงรากแก้วแล้วตัดรากแขนงออกให้เหลือประมาณรากถึงสองราก หมักตุ้มกับหลุมไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนครึ่งจนเริ่มมีรากแขนงแตกออกมา จากนั้นจึงตัดรากแก้วและรากที่เหลือออกทั้งหมดแล้วยกขึ้นมามัดโคนตุ้มดินเหมือนกับวิธีการล้อมสด

การยกตุ้มดินขึ้นมาบนผิวดินจากนั้นวางทางระบายน้ํารอบตุ้มดินแล้วปลูกแบบต้นลอยเป็นวิธีที่ดีเพราะทําให้อากาศผ่านเข้ารากได้มากขึ้นรวมถึงการระบายน้ําก็ทําได้ง่ายแต่ควรทําเครื่องค้ํายันโดยตอกลงไปในดินจนลึกและตกแต่งโคนให้ดูเป็นธรรมชาติ

2.อันตรายไหม เมื่อผ่านไปสักพักต้นไม้ที่ล้อมมาปลูกเริ่มมีอาการใบร่วงเกือบทั้งต้น

เป็นการปรับสภาพของต้นไม้ตามปกติอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะล้อมต้นไม้ดังกล่าวเอาไว้เป็นระยะเวลานานจนแตกใบและแตกพุ่มแล้วก็ตาม แต่เมื่อย้ายไปลงดินในที่ใหม่ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของอาการต้นไม้ตามไปด้วย แค่พรวนดินรอบๆโคนต้นโดยไม่ให้กระทบกระเทือนระบบราก และก่อนปลูกควรรองพื้นหลุมด้วยกาบมะพร้าวสับ  แล้วใส่น้ํายาเร่งรากและปุ๋ยอินทรีย์น้ําในอัตราส่วนเจือจางลงไปด้วยเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของราก

แต่หากมีอาการใบเหี่ยวแห้งติดกับต้น อันนี้น่าเป็นห่วง อาจเกิดปัญหาบางอย่างได้ เช่น รากเกิดการกระทบกระเทือน มีน้ําใต้ดินสูง หรือมีสารเคมีอันตรายในชั้นใต้ดิน ต้องรีบหาสาเหตุให้เจอแล้วแก้ปัญหาไปตามอาการนั้นๆ โดยปัญหาที่พบส่วนมากเกิดจากตุ้มรากแช่อยู่ในน้ําใต้ดิน

สําหรับอาคารชั้นเดียวที่มีขนาดเล็กโครงสร้างไม่ลึกมีพื้นที่โดยรอบกว้างขวางแดดร้อนมากเวลากลางวันและมีเวลาเก็บกวาดใบไม้หูกระจงก็เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากโตเร็วและให้ร่มเงาได้

3.สิ่งที่ควรรู้ก่อนปลูกต้นไม้ใหญ่ภายในบ้านมีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปควรเลือกต้นไม้ใหญ่ที่มีขนาดทรงพุ่มไม่เกิน 4 เมตรและควรปลูกห่างจากตัวบ้านและขอบเขตรั้วบ้านประมาณ 2 – 2.50 เมตร อย่างบ้านในเมืองสําหรับคนที่มีพื้นที่สวนไม่เกิน 1 ไร่ควรศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของไม้ยืนต้นในเรื่องต่อไปนี้

ต้นหูกระจงควรปลูกให้มีระยะห่างจากตัวบ้านหรือรั้วบ้านอย่างน้อย4-5เมตรไม่เช่นนั้นกิ่งจะแผ่เข้าไปในบ้านและบริเวณรอบๆ สร้างปัญหาได้ในระยะยาว

ขนาดทรงพุ่ม ควรเป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มไม่แผ่กว้างมาก เพราะจะไปกระทบกับสายไฟรอบบ้านและพื้นที่สาธารณะ ทั้งยังเป็นการรบกวนและเบียดเบียนพื้นที่ของเพื่อนบ้าน ทําให้ต้นไม้ที่อยู่ระบบล่างได้รับแสงแดดไม่เพียงพอและตายในที่สุด

ระบบราก เลือกต้นไม้ที่มีระบบรากที่ไม่แผ่กว้างมากเกินไปอย่างโพธิ์ ไทร ไกร กร่าง หูกระจง แคนา

ปริมาณใบร่วง ไม่ควรมากจนเกินไป ส่วนหนึ่งคือการใช้งานของเจ้าของบ้าน หากสามารถทําความสะอาดหรือมีเวลาเก็บกวาดใบไม้ได้อย่างสม่ําเสมอก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากใบไม้ร่วงลงไปบริเวณบ่อน้ําหรือร่วงเข้าไปในเขตรั้วของเพื่อนบ้านก็อาจส่งปัญหาตามมาภายหลังได้

บริเวณที่ร่มจัดอย่างใต้ม้านั่งในสวนหรือใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งต้นหญ้าตายไปสามารถโรยกรวดทดแทนสนามหญ้าได้ช่วยให้พื้นที่ในสวนดูเต็มและมีสีสันขึ้น

4.ควรแก้ปัญหาอย่างไรในกรณีที่หญ้าสนามเริ่มตายเป็นแปลงๆ

ปัจจัยขึ้นอยู่กับประเภทของหญ้า โดยเราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ หญ้าที่ปลูกกลางแจ้งอย่างหญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น หญ้าพาสพาลัม ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากการรับแสงไม่เพียงพอเพราะอยู่ในร่มเงา ตอนแรกต้นไม้อาจยังแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาได้ไม่เต็มที่ จนในที่สุดก็จะมีแสงส่องลงมาบริเวณโคนต้นแค่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ การแก้ไขปัญหาคือ ต้องออกแบบฟอร์มของพื้นที่ใหม่ว่าบริเวณที่แสงส่องเข้าไม่ถึง เราควรแทนที่ด้วยอะไรได้บ้าง อย่างการปลูกหญ้ามาเลเซียหรือหนวดปลาดุก อีกกลุ่มหนึ่งคือ หญ้าที่สามารถอยู่ในที่แสงรําไรได้แต่ไม่ใช่ร่มจัด อย่างหญ้ามาเลเซียเองก็มีโอกาสตายเป็นแปลงได้จากการอยู่ในร่มเงามากเกินไป โดยอาการคือจะเริ่มบางลง ขนาดใบหญ้าจะแผ่ใหญ่ขึ้น

ปัจจัยต่อมาเป็นเรื่องโรคกับแมลง โดยเฉพาะมดหรือปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดินแล้วกัดจนรากหญ้าตาย เราจะรู้ได้ด้วยการขุดลงไปใต้ดินในบริเวณนั้นอีกกรณีคือ มีความชื้นมากเกินไปจนทําให้เกิดเชื้อรา เราจะรู้ได้ทันทีเมื่อแหวกโคนต้นของหญ้าแล้วเห็นว่ามีราขึ้น วิธีแก้คือ การฉีดน้ํายาป้องกัน วางระบบท่อระบายน้ํา และตัดแต่งดูแลอยู่เสมอ

5.แนะนําต้นไม้ที่สามารถปลูกแทนรั้วได้ให้หน่อย

การจัดสวนทั่วไปนิยมใช้ต้นไม้อยู่ 3 ชนิด คือ

1. ไทรเกาหลี

ทนและทรงพุ่มหนา สามารถสานต่อกันได้ดี ใบหนาและดกจึงช่วยพรางสายตาได้เป็นอย่างดี ลําต้นตั้งตรงแต่แตกกิ่งก้านแขนงออกเป็นพุ่มทึบ ควรหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอย่างสม่ําเสมอให้ได้รูปทรงตามต้องการ ไม่ให้ทรงพุ่มด้านบนยื่นออกมาบังแสงแดดด้านล่างจนร่มเกินไปเมื่อตัดแต่งอยู่เสมอจะแตกกิ่งและใบใหม่เร็วแต่มีราคาสูง

2. โมก

ใช้ตามโครงการทั่วไปมานานแล้ว ราคาในท้องตลาดปัจจุบันจึงไม่แพงมากนัก แตกกิ่งก้านออกรอบลําต้นอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่หากตัดแต่งบ่อยจะสานกันหนา นอกจากปลูกพรางสายตาแล้ว ยังมีดอกสีขาวที่ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่เมื่อใช้ไปในระยะยาวจนต้นโต ด้านล่างจะโล่ง มองไปอาจไม่สวย ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยปลูกไม้คลุมดินบังโคนต้น

3. ข่อย

ไม้ยืนต้นพุ่มแน่นจากโคนถึงยอด หากหมั่นตัดแต่งพุ่มจะแน่นใบจะมีขนาดเล็กละเอียดขึ้น แต่อัตราการเจริญเติบโตช้า ถ้าเจ้าของบ้านชอบต้นไม้ที่โตเร็วทันใจอาจไม่เหมาะสม เพราะข่อยใช้เวลาเป็นปีถึงจะแตกใบและแผ่กิ่งก้านออกจนเป็นแผงพรางตาได้

พรรณไม้ที่ปลูกในบ้านไม่ใช่ว่าจะสามารถอยู่ได้ถาวรต้องย้ายออกไปรับแสงแดดบ้างหรืออย่างน้อยควรได้รับแสงแดดบางช่วงเวลาของวัน

6.ปลูกต้นไม้อะไรดีที่ทนร่มและอยู่ในบ้านได้

ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่มียางซึ่งทนต่อสภาพแวดล้อมได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นดินเค็มบริเวณใกล้น้ําทะเล หรือพื้นที่ซึ่งได้รับแสงน้อย ยกตัวอย่าง เช่น วงศ์บอน(Araceae) ได้แก่ เดหลี กวักมรกต ฟิโลเดนดรอน พลูด่าง หน้าวัว สาวน้อยประแป้ง กระดาด วงศ์ หน่อไม้ฝรั่ง(Asparagaceae) ได้แก่ วาสนา จันทน์ผา ว่านงาช้าง เข็มสามสี เศรษฐีเรือนนอก ลิ้นมังกร วงศ์คล้า(Marantaceae) ได้แก่ คล้าชนิดต่างๆ วงศ์ขนุน(Moraceae)ได้แก่ ไทรย้อยสาเก ยางอินเดีย ไทรใบสัก

พื้นฐานของการเตรียมแปลงคือการพลิกดินซึ่งควรทําร่วมกับการไถกลบต้นไม้ในแปลงด้วยเพื่อเป็นปุ๋ยสดในดินรวมถึงให้ปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มธาตุอาหาร

7.หลังจากเก็บเกี่ยวผักสวนครัวชุดแรกไปแล้ว ควรเตรียมแปลงอย่างไรก่อนจะปลูกผักชุดใหม่

อันดับแรกคือการพลิกดิน โดยการพรวนดินไปสักพักเพื่อให้อากาศแทรกเข้าไปในชั้นของดินได้ และเพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อรารวมถึงฆ่าเชื้อโรคในดิน นอกจากนี้การพลิกดินยังแก้ปัญหาดินแน่น ช่วยให้ไม่มีน้ําขังบนดินจนเกิดเชื้อรา จากนั้นทิ้งไว้ประมาณสัปดาห์หนึ่งแล้วจึงใส่ปุ๋ยคอกบํารุงดินและช่วยปรับสมดุลในดินต่อไป

การไถกลบก็เป็นวิธีการพลิกดินอย่างหนึ่ง หลักการเดียวกัน คือเมื่อเราถอนรากต้นไม้ขึ้นมาก็จะมีดินที่ถูกพลิกขึ้นมาด้วย รากและส่วนต่างๆของลําต้นก็จะย่อยสลายเป็นปุ๋ยพืชสดต่อไป ถ้าเรามีแปลงผัก การปลูกพืชตระกูลถั่วระหว่างพักดินจะเป็นตัวช่วยตรึงไนโตรเจน ทําให้ดินมีไนโตรเจนซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโต  ถือเป็นพืชพื้นฐานในการช่วยปรับปรุงและบํารุงดิน

ควรนําน้ําประปาหรือน้ําฝนมาเก็บไว้ในที่เย็นอย่างในโอ่งดินเผาบ่อน้ําหรือแท็งก์น้ําใต้ดิน ก่อนนํามารดน้ําต้นไม้ จะส่งผลดีกับพื้นดินและต้นไม้ได้มากกว่า

8.ใช้น้ําฝนรดต้นไม้ดีกว่าใช้น้ําประปาธรรมดาจริงหรือ?

ระหว่างน้ําประปากับน้ําฝน ถ้าเทียบองค์ประกอบหรือค่าความเป็นกรด-ด่างในน้ําแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่น้ําฝนดีกว่า เนื่องจากเกิดจากกระบวนการกลั่นด้วยความเย็น ซึ่งต้นไม้มักจะชอบอุณหภูมิน้ําที่เย็นอยู่แล้ว ดังนั้นหากสังเกตว่ารดด้วยน้ําประปาแล้วต้นไม้เฉา เหตุผลจึงน่าจะมาจากอุณหภูมิของน้ําประปาที่ผ่านท่อน้ําที่โดนความร้อนตอนกลางวัน ยกเว้นกรณีที่เราดูดน้ําจากแหล่งน้ําธรรมชาติที่ไหลผ่านแหล่งต่างๆ ซึ่งอาจนําพาสารเคมีหรือองค์ประกอบที่อาจส่งผลไม่ดีมาด้วย แต่น้ําบริสุทธิ์จากทุกที่มักจะมีผลกับต้นไม้เหมือนกัน

ส่วนกรณีของน้ําฝน บางทีก็อาจมีผลเสียกับต้นไม้หากเกิดปรากฏการณ์ฝนกรด แต่ด้วยภูมิอากาศของบ้านเราน่าจะเกิดกรณีดังกล่าวไม่บ่อยนัก

9.ทําอย่างไรไม่ให้งูเข้าสวน

เราต้องเข้าใจพฤติกรรมของงูก่อนว่าเข้ามาอยู่ในพื้นที่รอบบ้านเพราะอะไรอย่างแรกคือ สัตว์มักมีการตอบสนองต่อปัจจัยพื้นฐาน นั่นคืออาหารโดยเฉพาะหนู ซึ่งหนูมักจะอยู่อาศัยในพื้นที่ที่สกปรก ดังนั้นหากไม่มีวิธีกําจัดขยะและเศษอาหารที่ดี ไม่แยกขยะ และทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง เมื่อมีหนูเข้ามาอยู่อาศัยงูก็จะตามเข้ามา

แต่ก็มีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะหลงเข้ามาบ้างในกรณีที่ข้างบ้านเราเป็นพื้นที่รกชัฏ พื้นฐานของงูจะกลัวคนที่สุด กลัวมากกว่าสารเคมีหรือสิ่งอื่นๆผ่านการสัมผัสในรูปแบบของเสียงและการสั่นสะเทือน หากบ้านเรามีคนอยู่อาศัยตลอดเวลาและมีการใช้งานที่ทั่วถึงทั้งบ้าน สวนมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยหมั่นตัดแต่งทรงพุ่มอยู่เสมอ ก็จะลดพื้นที่ที่งูจะอยู่ได้

สามารถหาสูตรสมุนไพรสําหรับกําจัดศัตรูพืชเพิ่มเติมได้ในหนังสือ MyLittle Farm Vol. 6 สมุนไพรไล่แมลงทําใช้เองแบบง่ายๆ

10.แนะนําวิธีกําจัดศัตรูพืชโดยไม่ต้องฆ่า

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเรามีการใช้สมุนไพรในการไล่แมลงรวมถึงศัตรูพืชมาแล้วหลากหลายสูตรด้วยกัน ทั้งสูตรขมิ้นชัน ซึ่งทําโดยการตําขมิ้นปริมาณครึ่งกิโลกรัมให้ละเอียด จากนั้นผสมน้ํา 20 ลิตรแล้วหมักไว้ 2 วัน กรองกากแล้วนําส่วนของน้ําสกัดเข้มข้นผสมน้ํา 8 ลิตร ฉีดพ่นลงบนต้นไม้ หรือวิธีที่นิยมใช้กันคือสารสกัดจากสะเดา โดยใช้ใบแก่ของสะเดา 2 กิโลกรัมตําให้ละเอียด นําไปแช่น้ํา 20 ลิตร หมักไว้ 1 คืน จากนั้นกรองเอาแต่น้ําไปผสมกับสารจับใบอย่างผงซักฟอกยาสระผม หรือน้ํายาล้างจานเล็กน้อย ผสมกับน้ําในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ํา 20 ลิตร นํามาฉีดพ่น บางตําราใช้คู่กับข่าและตะไคร้ก็ให้ผลในการไล่แมลงได้ดีเช่นกัน โดยสารสกัดจากสะเดามีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ยับยั้งการเจริญเติบโต ป้องกันและกําจัดแมลงได้หลายชนิด เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ย จักจั่น ด้วงหมัดผัก หนอนใยกะหล่ํา หนอนใยผัก หนอนกอ หนอนชอนใบห นอนกระทู้

การใช้สารธรรมชาติเข้ามาช่วยเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อาจไม่เห็นผลได้ทันทีเหมือนการใช้สารเคมีที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันกาล เช่น กรณีที่มีโรคและแมลงระบาด ดังนั้นในบางกรณีเราก็อาจจําเป็นต้องใช้สารเคมีร่วมด้วย โดยช่วงเริ่มต้นอาจลดการใช้สารเคมีลงครึ่งหนึ่งร่วมกับใช้สารธรรมชาติ แล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นใช้สารธรรมชาติมากขึ้น

หญ้าแห้วหมูวัชพืชซึ่งไม่สามารถใช้สารเคมีกําจัดได้ต้องถอนออกด้วยมือเพียงอย่างเดียวซึ่งควรถอนให้ถึงส่วนหัวและเหง้าที่อยู่ใต้ดิน

11.มีวิธีกําจัดวัชพืชโดยไม่ใช้สารเคมีไหม

ถ้าเป็นหญ้าในสวนที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก การถอนด้วยมือหรือการตัดหญ้าอย่างสม่ําเสมอเป็นสิ่งสําคัญที่จะช่วยกําจัดวัชพืชไม่ให้แพร่ระบาดในบางกรณีที่เป็นพื้นที่บริเวณกว้าง การถอนด้วยมืออาจใช้เวลาและแรงงานมากเกินไป จึงควรทําความเข้าใจว่าวัชพืชหรือหญ้าส่วนใหญ่จะต้องใช้แสงแดดเต็มที่ในการเติบโต ดังนั้นการทําให้แสงแดดส่องลงมายังพื้นดินได้น้อยจึงเป็นอุปสรรคต่อการเจริญ-เติบโตของวัชพืชได้ โดยอาจใช้ต้นไม้ชนิดอื่นเพื่อลดการเจริญเติบโตของวัชพืช เช่น ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงามากอย่างหูกระจง ก้ามปู หางนกยูงฝรั่ง ที่มีก้านแตกแขนงกว้าง ทําให้ต้นหญ้าและวัชพืชไม่สามารถเจริญเติบโตใต้ต้นได้ นอกจากนี้ไม้ล้มลุกซึ่งนิยมใช้ตกแต่งสวนบางประเภทก็เจริญเติบโตเร็วและสามารถคลุมดินชนะวัชพืชบางประเภทได้ เช่น กระดุมทอง โคลงเคลงเลื้อย บุษบาริมทาง

ไม้คลุมดินอย่างบุษบาริมทางและต้อยติ่งน้ําก็ช่วยลดการเจริญเติบโตของวัชพืชในธรรมชาติได้เหมือนกันแต่หากตัดแต่งไม่ดีหรือไม่สม่ําเสมอต้นไม้ดังกล่าวก็อาจกลายเป็นวัชพืชเสียเองได้

12.มีวิธีใดบ้างที่สามารถกําจัดปลวกบริเวณนอกบ้านได้

วิธีกําจัดปลวกอาจต้องพึ่งสารเคมีกําจัดปลวกโดยเฉพาะ หรือใช้บริการบริษัทกําจัดปลวกที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยวิธีหนึ่งที่นิยมใช้คือ การวางเหยื่อล่อซึ่งมีส่วนผสมของอาหารที่ปลวกชอบและเป็นพิษในระยะยาว ให้ปลวกเข้ามากินแล้วนํากลับรัง จะทําให้ตายทั้งรัง แต่ในกรณีที่เราต้องการกําจัดด้วยวิธีธรรมชาติการเลี้ยงไก่แล้วปล่อยให้หาอาหารเองในสวนก็ช่วยแก้ปัญหาเรื่องปลวกในระดับผิวดินได้เช่นกัน แต่ก็อาจมีปลวกอาศัยอยู่บริเวณใต้ดินดังเดิม

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เรากําจัดปลวกไปจนหมดแล้วแต่ก็ควรมีการป้องกันปลวกที่ต้นเหตุ โดยสังเกตจากพื้นที่รอบบ้านของเราว่ามีปัจจัยที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของปลวกหรือไม่ โดยปลวกจะชอบอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นไม่มาก มีเศษซากไม้ จึงควรทําให้พื้นที่รอบบ้านและในบ้านสะอาดอยู่เสมอ

แคคตัสหรือกระบองเพชรเป็นต้นไม้พื้นถิ่นของบ้านเราสามารถนํามาปลูกลงดินที่ระบายน้ําได้และสามารถเจริญเติบโตได้ดีโดยที่ไม่ต้องดูแลมาก

13.สามารถปลูกแคคตัสในสวนร่วมกับต้นไม้ชนิดอื่นได้หรือไม่

ต้นไม้เกือบทุกชนิดสามารถปลูกลงดินได้หมด แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าพื้นที่ที่เราจะใช้ปลูกบริเวณนั้นมีดินประเภทไหน และต้นไม้ที่เราจะปลูกชอบสภาพดินแบบใด ซึ่งลักษณะของดินที่เหมาะกับการปลูกต้นไม้ประเภทแคคตัสส่วนมากจะเป็นดินที่ระบายน้ําได้ดี มีความร่วนซุย มีช่องอากาศในดินเยอะอย่างดินลูกรังแต่หากเป็นดินเหนียวอาจปลูกไม่ได้ เพราะจะเก็บกับความชื้นมาก จึงมีโอกาสเป็นเชื้อราหรือเน่าได้ ส่วนเรื่องของแสงแดดต้องดูจากสายพันธุ์ที่เราปลูกว่าเป็นสายพันธุ์ที่ชอบอยู่ในแดดทั้งวัน หรือแค่ครึ่งวันดังนั้นไม่ว่าจะปลูกต้นไม้ชนิดไหนเราต้องทําความเข้าใจด้วยว่าต้นไม้ชนิดนั้นเจริญเติบโตได้ดีในสิ่งแวดล้อมแบบใด

ในกรณีที่ทางเดินหรือลานจอดรถใช้บล็อกคอนกรีตปูพื้นธรรมดาวิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยากโดยการดึงบล็อกดังกล่าวขึ้นมาแล้วอัดดินหรือทรายลงไปใหม่เพื่อปรับระดับให้พื้นที่เรียบเท่ากันทั้งหมดจากนั้นก็นําบล็อกคอนกรีตมาวางทับเรียงกันตามเดิม

14.ดินยุบในบริเวณที่มีงานฮาร์ดสเคป เช่น พื้นทางเดิน ลานจอดรถ ควรทําอย่างไร

ในกรณีที่พื้นทําจากคอนกรีตแล้วมีอาการแตกหรือหัก อาจฉาบปูนทับรอยแตกร้าวให้ได้ระดับเดิม ซึ่งในอนาคตก็อาจมีปัญหาดังกล่าวได้อีก แต่หากพื้นยังมีการยุบจนแตกและไม่สามารถฉาบทับให้มีลักษณะเชื่อมกันได้แล้ว การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการงัดพื้นคอนกรีตออกแล้วทําใหม่

เราสามารถลดโอกาสการเกิดปัญหาดังกล่าวลงได้โดยการอัดดินให้แน่นด้วยรถอัดดิน แล้วปล่อยให้ผ่านฤดูฝนไปสักระยะหนึ่ง หรือเอาน้ําราดให้ดินมีการเซตตัวแน่นและแข็งตัวมากที่สุด จากนั้นจึงทําพื้นคอนกรีตเสริมตะแกรงเหล็กให้หนาประมาณ 15-20 เซนติเมตร หรือปูบล็อกคอนกรีตเป็นพื้นตามความชอบส่วนใหญ่พื้นที่ในกรุงเทพฯจะพบกรณีดินยุบได้บ่อย เนื่องจากเป็นชั้นดินใหม่ที่มีการยุบลงทุกปี การใช้เสาเข็มคอนกรีตปูพรมอาจไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการทรุดตัวของดินได้ แต่จะช่วยแก้ไขให้พื้นคอนกรีตบริเวณลานหรือถนนมีการทรุดลงไปในระดับที่เท่ากัน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการแตกร้าวในส่วนของงานพื้นแข็งที่มีขนาดใหญ่ แต่หากต้องการให้พื้นที่รอบบ้านทรุดน้อยที่สุด ควรลงเสาเข็มให้มีความลึกเท่ากับเสาเข็มของอาคาร เพื่อที่ในอนาคตหากเกิดการยุบตัวอาคารและงานฮาร์ดสเคปจะได้ยุบลงไปในระดับเดียวกัน

ตําแหน่งบ่อน้ําควรห่างจากบ้านอย่างน้อยในระยะที่หนีจากฐานของเสาฐานรากของบ้านเพื่อป้องกันการทรุดที่ไม่เท่ากันแม้แต่บ่อสําเร็จรูปเองหากวางฝังไว้ในดินก็อาจเอียงไม่เท่ากันหากอยู่ใกล้ตัวบ้านก็ควรใช้เสาเข็มชุดเดียวกัน

15.บ่อน้ําต้องมีขนาดลึกหรือใหญ่แค่ไหนจึงจําเป็นต้องตอกเสาเข็ม

บ่อทุกขนาดที่ใหญ่เกินกว่าที่แรงงานคนจะสามารถยกขึ้นได้ควรตอกเสาเข็มทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการเอียงและแตกร้าวอันเกิดจากการทรุดตัวของดินที่ไม่เท่ากัน ซึ่งอาจมีโอกาสเกิดหรือไม่เกิดก็ได้

การวางแผนทําโครงสร้างอย่างการตอกเสาเข็มรับน้ําหนักไว้ตั้งแต่ต้นจึงเป็นสิ่งสําคัญ ซึ่งควรให้วิศวกรโครงสร้างหรือภูมิสถาปนิกที่เชี่ยวชาญเป็นผู้ออกแบบลักษณะโครงสร้างของบ่อดังกล่าว โดยทั่วไปบ่อน้ําคอนกรีตควรมีการลงเสาเข็มโดยกรณีที่บ่ออยู่ติดกับอาคารหรืออยู่ในพื้นที่เดียวกับอาคารควรใช้เสาเข็มชุดเดียวกัน คือเสาตัวไอ(I) ตอกลึกประมาณ 18-22 เมตร แต่ระยะการตอกต้องลึกเท่ากับเสาเข็มอาคาร กรณีที่บ่อน้ําอยู่ในสวนโดยมีขนาดบ่อลึกไม่เกิน 0.80 เมตร สามารถใช้เสาหกเหลี่ยมกลวง ตอกลึก 6 เมตร ปูพรมเป็นระยะทุก 1 เมตร ได้เช่นกัน ควรให้ขอบบ่อสูงกว่าพื้นประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นการเผื่อระยะที่บ่อจะทรุดตัวในอนาคตเพื่อไม่ให้ขอบบ่อจมลงดิน แต่หากเกิดกรณีดังกล่าวก็สามารถเสริมความสูงที่ขอบบ่อได้

การให้ร่มเงาและการเตรียมระบบกรองที่ดีให้บ่อน้ําจะช่วยลดการเกิดตะไคร่และสาหร่ายได้แต่ควรเลือกพรรณไม้ที่ใบและดอกร่วงน้อย

16.น้ําในบ่อเริ่มเป็นสีเขียวต้องแก้ไขอย่างไร

โดยทั่วไปคือ ดูแลระบบกรองให้มีสภาพการใช้งานที่ดีและสมดุล คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของตัวบ่อน้ํา แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีเครื่องกรองมากมายหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของบ้าน ส่วนสําคัญคือตัวปล่อยแสงยูวีในระบบกรองซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายที่ช่วยกําจัดสาหร่ายสีเขียวและควรหมั่นทําความสะอาดระบบกรองตามมาตรฐานทุกๆสองเดือน

อย่างไรก็ตาม ตะไคร่น้ําหรือสาหร่ายสีเขียวจะเจริญเติบโตได้ดีในบ่อน้ําที่ได้รับแสงตลอดทั้งวันและมีอุณหภูมิสูง ดังนั้นการปลูกไม้น้ําอย่างบัวหรือต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแก่บ่อจึงช่วยลดการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีโดยอาจใช้ควบคู่ไปกับเครื่องดูดตะไคร่ด้วยก็ได้

17.อุปกรณ์ดูแลสวนชนิดใดที่ควรมีไว้ติดบ้าน

อุปกรณ์พื้นฐานที่ควรมีติดสวนไว้สําหรับปลูกต้นไม้และดูแลสวนมีดังนี้

1.อุปกรณ์งานช่าง ได้แก่ ค้อนโลหะ ค้อนยาง คีม ขดลวด กรรไกรตัดขดลวด สว่าน ไขควง นอต ตะปู ใช้สําหรับงานซ่อมแซมทั่วไป

2.อุปกรณ์เตรียมแปลง ได้แก่ จอบ เสียม พลั่ว คราด ส้อมพรวน ช้อนพรวน ขนาดตามความเหมาะสมของสวนและตามความถนัดในการใช้งาน

3.อุปกรณ์ตัด ได้แก่ เครื่องตัดหญ้า กรรไกรตัดหญ้า เลื่อย ใช้สําหรับตัดแต่งกิ่งไม้และสนามหญ้า

4.อุปกรณ์รดน้ํา ได้แก่ สายยาง หัวฉีด บัวรดน้ํา ขึ้นอยู่กับขนาดของสวน

5.อุปกรณ์วัดพื้นที่ ได้แก่ สายวัด ไม้ฉาก เอ็นพลาสติก เชือกฝาง เชือกปอ ตลับเมตร ใช้วัดระยะพื้นที่เพื่อกําหนดตําแหน่งในการวางสิ่งของต่างๆ และต้นไม้ในสวน

6.อุปกรณ์ทําความสะอาด เช่น ไม้กวาดทางมะพร้าว เข่ง ที่เก็บขยะถังขยะ สําหรับเก็บกวาดพื้นและเศษใบไม้

7.อุปกรณ์ปลูก เช่น เมล็ดพันธุ์ กระถางต้นไม้ ปุ๋ย น้ํายาเร่งราก น้ําหมักสําหรับปลูกต้นไม้

8.อุปกรณ์เสริม เช่น ผ้ากันเปื้อน รองเท้ายางสําหรับย่ําน้ํา รองเท้าบู๊ต ถุงมือ สําหรับใส่ขณะทําสวน และบันไดสําหรับปีนในบริเวณที่ยืนไม่ถึง

กิ่งไม้ตัดเป็นรูปง่ามเพื่อให้สายไฟลอดผ่านได้ทําให้ไม่ไปเกี่ยวกันในอนาคตแต่อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ที่กิ่งหักง่ายริมเสาไฟเช่นก้ามปูกระถินณรงค์มะขามชมพูพันธุ์ทิพย์

18.ควรทําอย่างไรดี เมื่องานเหล็กในสวนเป็นสนิม

ใช้กระดาษทรายหรือแปรงทองเหลืองขัดสนิมออก ทําความสะอาดด้วยน้ําเปล่าและน้ํามันสน ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งแล้วทาน้ํายากันสนิม 2 รอบ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 8 ชั่วโมง แล้วจึงตกแต่งด้วยการทาสีหรือพ่นสีตามความชอบ ในกรณีที่สนิมกัดเหล็กจนขาดอย่างเห็นได้ชัด ควรตัดเหล็กบริเวณนั้นออกแล้วซ่อมโดยการใส่แผ่นเหล็กแล้วนําไปเชื่อมใหม่

วิธีการป้องกันพื้นฐานคือ ทาสีกันน้ําคู่กับน้ํายาเคลือบป้องกันสนิม สนิมในงานสวนส่วนมากจะเกิดจากบริเวณที่มีน้ําขังอยู่เสมอ หรือน้ํากับเหล็กสัมผัสกันบ่อยอย่างช่วงโคนหรือฐานที่ติดกับดิน ควรระวังอย่าให้รอยต่อระหว่างเหล็กกับวัสดุอื่นเป็นจุดแช่น้ํา อาจต้องทําคอนกรีตขึ้นมาจากพื้นแล้วเอียงคอนกรีตนิดหนึ่งให้น้ําไหลออกได้ง่าย หากใช้วัสดุเหล็กกล่องควรมีการตรวจทานบริเวณจุดเชื่อมให้ดีว่าไม่มีจุดรั่วให้น้ําเข้าไปขังภายในได้ อาจใช้สเตนเลสซึ่งปัจจุบันสามารถเลือกผิวสัมผัสและสีสันเหมือนเหล็กได้

ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่เหล็กสัมผัสกับน้ําได้โดยตรงหรือมีน้ําขังอย่างบริเวณฐานเสาที่เชื่อมกับดิน

19.กิ่งไม้เริ่มยาวจนไปเกี่ยวสายไฟหน้าบ้าน ควรตามใครมาช่วยดี

ควรขอความช่วยเหลือจากรุกขกรหรือนักศัลยกรรมต้นไม้จะดีที่สุด ซึ่งวิธีการคือ ตัดกิ่งไม้ให้เป็นลักษณะง่ามแล้วปล่อยให้สายไฟลอดผ่านตรงกลางหรือผ่านด้านข้างลําต้น ถ้าเราแต่งกิ่งดีตั้งแต่ต้น กิ่งไม้จะสูงชะลูดขึ้นและแตกใหม่ไม่มาพันสายไฟอีก โดยช่วงเวลาสําหรับการตัดกิ่งที่ดีสุดคือ ช่วงฤดูหนาวประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระยะที่ต้นไม้พักตัวหรือผลัดใบและเก็บสะสมอาหารเพื่อเตรียมสําหรับการแตกยอดใบใหม่ในฤดูกาลถัดไป

ในกรณีที่กิ่งหักคาต้นให้ใช้เลื่อยหรือกรรไกรตัดแต่งกิ่งนั้นออกทันทีเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าทางบาดแผล หลังตัดกิ่งไม้ออกแล้วอย่าลืมแต่งปากแผลให้เรียบร้อยโดยทาสารป้องกันและกําจัดเชื้อราหรือใช้ปูนแดงปิดรอยแผลให้ทั่ว

ปัจจุบันสามารถค้นหารุกขกรได้มากมายหลายช่องทาง เช่น จากกรมป่าไม้ สํานักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ โทรศัพท์ 0-2561-4292-3 ต่อ 5442 กลุ่มวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือ Tree Care Service โทรศัพท์ 09-3983-3050 และเว็บไซต์ของรุกขกรรม www.th-arbor.com/arborist.html

โรงเรือนกระจกขนาดเล็กพื้นที่ไม่เกิน 150 ตารางเมตรสามารถใช้เป็นศาลานั่งเล่นในสวนได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากเทศบาล

20.หากจะต่อเติมงานศาลา ชานไม้ หรือระเบียงไม้ในบ้าน ต้องแจ้งเทศบาลไหม

งานต่อเติมศาลาที่มีขนาดไม่เกินสองชั้น รวมกันไม่เกิน 150 ตารางเมตร สามารถเก็บผลิตผลทางการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ไม่เกิน 100 ตารางเมตร และไม่ติดกับแหล่งน้ําสาธารณะ ไม่จําเป็นต้องยื่นแบบแปลนขออนุญาตก่อสร้างกับทางเทศบาล

ส่วนกรณีที่ชานไม้ ระเบียงไม้ไม่เปลี่ยนงานโครงสร้าง ไม่เพิ่มน้ําหนักให้โครงสร้างเดิมเกินร้อยละ 10 เป็นการลดหรือเพิ่มพื้นที่ไม่มากกว่า 5 ตารางเมตร โดยเพิ่มจํานวนเสาคาน มีระยะติดกับขอบเขตที่ดิน และต่างจากแผนผังเดิมไม่เกินร้อยละ 20 ไม่เข้าข่ายที่จะต้องยื่นขออนุญาตดัดแปลงอาคาร แต่หากเข้าข่ายก็ต้องยื่นขออนุญาตกับเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัดเฉพาะในเขตสภาตําบลหรือองค์การบริหารส่วนตําบลโดยแนบแผนผังแสดงบริเวณที่ตั้งอาคารโดยสังเขปและสําเนาเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินพร้อมกับคําขอ

สําหรับรายละเอียดทางข้อกฎหมายสามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง www.dpt.go.th หรือ www.coe.or.th


ขอขอบคุณ

คุณปณัฐ สุมาลย์โรจน์

กรรมการผู้จัดการบริษัท เพอโกล่าร์ จํากัด <www.pergolar.com>

อาจารย์พิเศษภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขต กําแพงแสน และ ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน

คุณดนัยวิทย์ อยู่คง

ภูมิสถาปนิก บริษัท โลโก้เท่ากับ จํากัด

อาจารย์พิเศษ ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขต บางเขน