บ้านมินิมัลกึ่งสตูดิโอที่อบอวลไปด้วยกลิ่นขนมปังหอมกรุ่น
แรกเห็นบ้านเฉดนวลตาแกมสีน้ำตาลทองหลังนี้ ชวนให้นึกถึงขนมปังเนื้อนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมที่เพิ่งเด้งตัวออกมาจากเตาอบ แถมสีฟุตปาธยังชวนมโนถึงภาพช็อกโกแลตบราวนี่เสียด้วย (เห็นแล้วน้ำย่อยทำงาน) เรียกว่าเป็นบ้านที่มีคาแร็กเตอร์ชัดมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลอดวัน ทั้งลูกค้าและผู้สัญจรผ่านทางต่างงัดโทรศัพท์ออกมาชักภาพกันแบบไม่หยุดหย่อน
“บ้านหลังนี้เพิ่งเสร็จเลย ส่วนหน้าร้านเพิ่งเปิดใหม่ได้เดือนสองเดือนเอง” คุณเบียร์-นิกร ศรีพงศ์วรกุล และคุณตูเช่-อังสุมารินทร์ เหล่าเรืองธนา คู่รักผู้เป็นเจ้าของ บ้านมินิมัลสีขาว ตอบเป็นเสียงเดียวกัน ซึ่งเข้ากับจังหวะของแมวอวบเจ้าถิ่นชื่อว่า “ม้าลาย” หรือยศเต็มๆ ว่า “ม้า… ลาย… แครี่…” สไลด์ตัวมาต้อนรับพอดีเป๊ะ
“ม้าลาย อย่าวุ่นวายนะลูก” คุณตูเช่ปรามสัตว์เลี้ยงของเธอ ก่อนหันมาเท้าความถึงเรื่องราวที่เป็นจุดเปลี่ยนและจุดเริ่มต้นใหม่ของชีวิต “อดีต เช่เป็นแอร์โฮสเตสมาก่อนค่ะ ทำมากว่า 10 ปีได้ ส่วนเบียร์เป็นผู้กำกับภาพ ทำงานถ่ายหนังถ่ายละครต่างๆ แต่พอเช่ป่วยเป็น ‘โรคพุ่มพวง’ (หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง) จึงทำงานไม่ไหว สุดท้ายเลยต้องตัดสินใจลาออกจากงานที่ตัวเองรักค่ะ”
อาจเป็นชะตาลิขิต หรือความบังเอิญก็ตามแต่ ช่วงที่เธอป่วยและยังไม่ลาออกจากงาน คุณตูเช่ได้เล่าให้ฟังว่า เธอไปเรียนทำขนมปังกับครูแป้น-พัชรบูรณ์ ด่านโพธิวัฒน์ ที่ห้องเรียนขนมปังทำเอง ทีแรกก็เพื่อคลายเครียด บำบัดจิตใจให้ตัวเอง ก่อนจะเริ่มขยับมาเป็นความชอบ กระเถิบมาเป็นความรัก พอหันหลังให้งานแอร์โฮสเตสก็เริ่มคิดสูตรขนมปังโฮลวีทร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ไร้เนย นม ไข่เป็นส่วนประกอบ มีเพียงน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอกที่เน้นเรื่องสุขภาพเป็นตัวชูโรง
จากเริ่มให้บรรดาเพื่อนๆ และญาติชิมฝีมือ ก็ขยับสู่โหมดถ่ายรูปลงอินสตาแกรม พร้อมเปิดการขายเบาๆ และท้ายที่สุดก็จุดประกายให้เธอมีความฝันและความหวังครั้งใหม่ เมื่อขนมปังของเธอเข้าตาสื่อต่างๆ จนได้รับการแนะนำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
“จริงๆ ไม่มีอยู่ในหัวเลยอาชีพนี้ แต่พอได้ลองทำก็ชอบค่ะ การทำขนมปังก็เหมือนงานศิลปะ อาจไม่ได้ทำให้สุขร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ทำให้ทุกข์น้อยลง ยิ่งมีคนชอบฝีมือหรือรับรู้สิ่งที่เราตั้งใจทำจริงๆ ยิ่งช่วยชุบชูใจให้เรามองเห็นคุณค่าชีวิตมากขึ้น แถมเช่โชคดีด้วยที่ได้รับกำลังใจจากเบียร์ และแรงหนุนจากคนรอบข้างมาตลอด”
คุณตูเช่พูดด้วยแววตาเปี่ยมสุข ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนที่คุณเบียร์จะรับช่วงเล่าถึงเส้นทางสายนี้ต่อ “ขนมปังที่เราทำขึ้นแรกๆเริ่มจากเตาติ๊งเล็กๆ เตาเดียวในบ้านเลยครับ แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2 และ 3 เตา (อมยิ้ม) ที่พีคสุดคือครั้งหนึ่งเคยอบขนมปังทุกเตาพร้อมๆ กัน จู่ๆ เครื่องก็ดับไปเลย เพราะไฟมันไม่พอไง” (ทั้งคู่หัวเราะร่วน)
หลังจากเหตุการณ์นั้น พวกเขาจึงตัดสินใจเช่าสถานที่ในหมู่บ้านสัมมากร (แถวละแวกบ้าน) เพื่อเปิดเป็นหน้าร้าน พร้อมกับถอยเตาอบเครื่องใหญ่มาทำขนมปังอย่างจริงจัง และเมื่อกิจการเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยความที่ไม่อยากให้คุณตูเช่ต้องเหนื่อยและเสียเวลาไปกับการเดินทาง จึงปรับแผนชีวิตอีกครั้ง โดยหันมาทำบ้านเก่าชั้นเดียวของตัวเองให้กลายเป็นบ้านใหม่สองชั้น สำหรับอยู่อาศัย ทำขนมปัง และเปิดเป็นหน้าร้านขึ้นมา
“เนื่องจากเช่ป่วยด้วย บ้านใหม่ที่ต้องการจึงอยากได้แบบเน้นความโปร่งสบาย โทนสีขาวครีม เขียว และสีอบอุ่นของเนื้อไม้ มีของน้อยชิ้นไม่รกตา เพื่อทำให้เราผ่อนคลายด้วยค่ะ”
“ทีแรกเลยตั้งใจเพียงรีโนเวตทำเป็นสตูดิโออบขนมปังแค่ด้านหน้าเท่านั้นค่ะ” คุณตูเช่อมยิ้ม และคุณเบียร์เสริมว่า “แต่พอช่างน้ำหนัก คะเนพื้นที่วางเตา วางของ สเกลก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจบลงที่ทุบสร้างใหม่ทั้งหมดเลย (หัวเราะ) เพราะโครงสร้างบ้านเก่าไม่พอดีกับสิ่งที่เราต้องการครับ”
เมื่อหาข้อสรุปได้แล้ว ทั้งคู่จึงจัดแจงว่าจ้างสถาปนิกมาเป็นที่ปรึกษา เพื่อพลิกโฉมบ้านบนเนื้อที่ 50 ตารางวาให้สอดรับกับสิ่งที่ต้องการ โดยเผยตัวบ้านเป็นรูปตัวซี (C) ตรงกลางทำเป็นคอร์ตยาร์ดเล็กๆ ที่มีสนฉัตรยืนต้นคอยต้อนรับจากทางเข้าบ้านด้านข้าง ส่วนด้านหน้าอุทิศเป็นหน้าร้านที่ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อขนมปังกลับบ้าน ซึ่งเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ โดยออกแบบให้มีห้องทำขนมปังอยู่เคียงกัน และสามารถเข้าได้ทั้งด้านหน้าร้านและภายในบ้าน
จากบ้านเก่าเพดานเตี้ยช่องแสงน้อยนิด ถูกลบจุดด้อยทิ้งเสียไม่เหลือเค้า เพราะภาพที่เห็นคือการดีไซน์พื้นที่ชั้นล่างให้เปิดกว้าง จัดวางเลย์เอ๊าต์ทำเป็นครัวขนาดกะทัดรัด เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นเพดานสูงแบบดับเบิลสเปซ เผยให้เห็นถึงความโปร่งโล่ง สบายตา สอดรับกับการติดตั้งประตู/หน้าต่างกระจกบานใหญ่ เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวจากภายนอก ขณะที่การตกแต่งภายในสื่อสารออกมาในรูปแบบมินิมัลที่เรียบ นิ่ง จนแอบค่อนไปทางเซนในแบบฉบับของญี่ปุ่น
ส่วนชั้นบน นอกจากจะดีไซน์ให้มีห้องนอนใหญ่ ห้องนอนแขก และสวนหินน้อยๆ แต่พองามแล้ว ฝั่งหนึ่งยังออกแบบเป็นห้องทำงานที่เปิดไปสู่ระเบียงผักสวนครัวเล็กๆ น่ารักอีกด้วย แถมผนังบางส่วนยังทำเป็นช่องชั้นหนังสือ และช่องเก็บของได้เก๋และเป็นระเบียบไม่เบา รวมถึงเครื่องเรือนและข้าวของต่างๆ ดูแล้วถูกคัดกรองผ่านกระบวนการความคิดมาเป็นอย่างดี เพราะแต่ละชิ้นที่นำมาจัดวางและใช้สอย ไม่มีหลุดคอนเซ็ปต์ความเป็นมินิมัลเลยสักนิด (เว้นแต่พี่ม้าลายตัวเดียว)
“สมัยที่ตูเช่เป็นแอร์โฮสเตส เขาชอบท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นมากครับ มักซื้อหนังสือหรือนิตยสารเกี่ยวกับงานดีไซน์บ้านและร้านต่างๆ เก็บสะสมไว้ด้วย พอถึงคราวทำบ้านตัวเอง จึงคัดภาพตัวอย่างที่ชอบส่งต่อให้สถาปนิกช่วยร่างแบบขึ้นมา” คุณเบียร์ประสานตา ส่วนคุณตูเช่ยิ้มรับไม้ต่อ “หลังจากบ้านหลังนี้เสร็จก็เคลียร์ของออกไปเยอะมากค่ะ จริงๆ เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นคนมินิมัลขนาดนี้นะ (หัวเราะ) เพราะตอนเช่เป็นแอร์ได้มีโอกาสท่องเที่ยวเยอะ โดยเฉพาะญี่ปุ่นนี่ชอบมาก เห็นอะไรก็น่าซื้อ เจออะไรก็น่าช็อป พอรู้สึกตัวอีกที อ้าวตัวเองกวาดของไปหมดเกลี้ยงชั้นเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข ประกายตาฉ่ำวาว ก่อนหัวเราะลั่น
นอกจากคุณตูเช่จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำขนมปังโฮลวีทอันแสนพิถีพิถันแล้ว เธอยังถือว่าเป็นผู้กุมบังเหียนในการออกแบบตกแต่งบ้านหลังนี้ด้วย โดยทุกเรื่องจะมีคุณเบียร์เป็นลูกมือที่น่ารัก คอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจ และสนับสนุนในสิ่งที่เธอต้องการไม่ห่าง ซึ่งเรานับถือมากกับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำและสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้สู้ และเราก็คิดว่าคุณผู้อ่านคงได้ทั้งไอเดียการแต่งบ้านน่ารักๆ ไปใช้ รวมถึงได้พลังบวกกับเรื่องราวชีวิตของเขาและเธอด้วยเช่นกัน
บ้านขนมปัง สอดไส้ความสุข (บ้านสวย ก.ย.62)
เจ้าของ: คุณอังสุมารินทร์ เหล่าเรืองธนา และคุณนิกร ศรีพงศ์วรกุล
เรื่อง: Doowoper
ภาพ: สิทธิศักดิ์ น้ำคำ