Drip for friends ศาสตร์แห่งการดริปกาแฟ ที่มากกว่าเพื่อนก็ดื่มได้
บ้านของคนรักงานเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ในโซน Artisan Village ชุมชนของชาวช่างฝีมือที่รักงานคราฟต์ อีกหนึ่งไฮไลต์ในงานบ้านและสวนแฟร์ midyear 2019 /2562 ที่กำลังจะจัดขึ้น 3-11 สิงหาคมนี้ ที่ไบเทคบางนา โดยบ้านแต่ละหลังแบ่งประเภทตามทักษะงานฝีมือ ซึ่งหากเดินชมบ้านของคนรักอาหารและเครื่องดื่มในวันที่ 3-7 สิงหาคมจะได้พบกับผู้หลงใหลใน ดริปกาแฟ อย่าง คุณณัฏฐนันท์ ประเสริฐรัสมี แห่ง Drip for friends ซึ่งใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟไปจนถึงวิธีการคั่วและการดริป
Drip for friends : กาแฟดริปที่มากกว่าเพื่อนก็ดื่มได้
กรุ่นกลิ่นหอมของกาแฟทำให้ผมหลงใหลและชื่นชอบการดื่มกาแฟ ทั้งที่รู้ว่าขื่นและขม จำไม่ได้ว่าเริ่มต้นเมื่อไร รู้สึกตัวอีกทีก็ถอนตัวยากเสียแล้ว ว่ากันว่ากลิ่นของกาแฟช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น มีสมาธิและรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยเหตุผลของกลิ่นกาแฟที่หอม บวกกับรสชาติที่ขื่นขมผสมกันจนเกิดเป็นความลงตัวทำให้มวลมนุษยชาติต่างชื่นชอบในการดื่มกาแฟ แต่จะมีสักกี่คนที่หลงรักกาแฟถึงขนาดทิ้งถิ่นที่อยู่ กล้าที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนมาสู่สิ่งใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร คุณฮุ้ง-ณัฏฐนันท์ ประเสริฐรัสมี อดีตกองบรรณาธิการนิตยสารชื่อดัง คือบุคคลนั้นที่หันมาเอาดีทางด้านคั่วกาแฟ เพราะความชอบและหลงใหลในกลิ่นและรสชาติของกาแฟ จนผันตัวเองมาเป็น Coffee Roaster หรือคนคั่วกาแฟ
จากเส้นทางน้ำหมึกสู่รอยหยดของกาแฟ
“เหตุเกิดเพราะความเบื่อเมืองหลวงสะสมมาเป็นเวลานาน อยากย้ายตัวเองไปอยู่เชียงใหม่เพราะชอบอากาศและบรรยากาศ แต่การไปอยู่ในที่ที่เราไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักใคร ไปแล้วเราจะทำอะไร มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเรา บังเอิญได้ไปดื่มกาแฟดริปที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นกาแฟดริปยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก พอเราได้ลองดื่มแล้วรู้สึกได้เลยว่านี่คือรสชาติของกาแฟที่ตามหา ปกติการดื่มกาแฟตามร้านทั่วๆ ไปที่เป็นกาแฟสดรสชาติก็จะเหมือนๆ กันหมด คือเข้มและขม แต่พอลองดื่มกาแฟดริปแล้วมันมีรสชาติที่ซับซ้อนมากจนทำให้เกิดความอยากเรียนรู้และทำความรู้จักกาแฟในอีกมิติหนึ่ง ทั้งในเรื่องของการชิม ชง จนถึงขนาดไปชิมกาแฟตามร้านต่างๆ เรียนรู้บุคลิกของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดแต่ละสายพันธุ์ จนเริ่มหลงใหลในเสน่ห์และตกหลุมรักกาแฟแบบไม่รู้ตัว เรียนรู้อยู่ประมาณหนึ่งปี ถึงกล้าตัดสินใจเลือกเปิดร้านกาแฟที่เชียงใหม่ด้วยเหตุผลที่ว่าเราอยากทำกาแฟ อยากอยู่กับกาแฟทุกวันและอยากทำให้คนอื่นดื่มด้วยแค่นี้จริงๆ”
ก้าวข้ามความกลัวสู่ความกล้าที่จะเรียนรู้
“ตอนเปิดร้านกาแฟนั้นมีความรู้เรื่องกาแฟแค่นิดเดียว ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์ก็ 50 %เปอร์เซ็นต์จากองค์ความรู้เรื่องกาแฟทั้งหมด แต่ความปรารถนามันมากเกินกว่าจะกลัวอะไรแล้ว จนตอนนี้ผ่านมาแล้ว 5-6 ปีแล้วเราคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่กล้าจะก้าวออกมา ถ้าวันนั้นเราไม่เริ่มทำเราก็จะไม่รู้และไม่เจอปัญหา ไม่รู้วิธีแก้ไข เราก็จะเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย บางครั้งลูกค้ามีคำถามเราตอบไม่ได้ ทำให้เราต้องไปค้นคว้าหาความรู้เพื่อมาตอบลูกค้าในครั้งต่อไป ความรู้ไม่มีวันจบฉะนั้นเราจึงต้องเรียนรู้อยู่ทุกๆวัน จริงๆแล้วความตั้งใจแรกอยากเปิดร้านขายอุปกรณ์กาแฟดริป แต่การขายอุปกรณ์อย่างเดียวเราก็ต้องแสดงวิธีการใช้อุปกรณ์ให้ลูกค้าเห็นด้วยว่าอุปกรณ์แต่ละตัวทำงานอย่างไร ก็เริ่มมีการดริปให้ลูกค้าลองดื่ม จากสาธิตการใช้อุปกรณ์ แล้วค่อยๆขยับมาขายกาแฟเป็นแก้ว ช่วงที่เริ่มขายกาแฟเป็นแก้ว เราก็ต้องสรรหาเมล็ดกาแฟคุณภาพดีมาใช้ในร้านโดยหาจากโรงคั่วกาแฟในเชียงใหม่และหาจากเพื่อนๆที่แนะนำต่อกันมา”
ทิ้งทุกอย่างเพื่อทุ่มเทให้กับการคั่วกาแฟ
“เริ่มจากสาธิตการใช้อุปกรณ์จนมาถึงการชงขาย พอทำอยู่สักพักก็เกิดความคิดที่ว่าอยากให้กาแฟที่ร้านมีบุคลิกเป็นของทางร้านเอง จึงเริ่มลงมือหาความรู้เกี่ยวกับการคั่วกาแฟ ลงทุนเรียนกับคนคั่วกาแฟที่เก่งๆ เริ่มสั่งซื้อเครื่องคั่วแบบที่ใช้ในครัวเรือน ทีนี้พอลูกค้าดื่มกาแฟที่คั่วไว้ใช้ในร้านแล้วติดใจในรสชาติของเมล็ดกาแฟที่เราคั่ว ก็เริ่มถามว่ามีเม็ดกาแฟขายไหม ถึงได้เริ่มคั่วเมล็ดกาแฟขาย แล้วยอดสั่งซื้อมากขึ้นด้วย เริ่มเปิดสอนการดริปกาแฟอีกทางหนึ่งจนตัดสินใจปิดร้านกาแฟ หันมาคั่วกาแฟขายและสอนดริปอย่างเดียว
“นี่คืออาชีพเดียวที่ทิ้งทุกอย่างมา จะว่าไปก็ทิ้งสิ่งที่รักมาหาสิ่งที่รักมากกว่า เมื่อลงมือทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ถ้าเราไม่ทำเราก็ไม่มีรายได้ ฉะนั้นจึงต้องสู้เพื่อที่จะเลี้ยงตัวเองให้ได้แล้วก็ต้องดูแลพ่อแม่ด้วย เหมือนเป็นความกดดันเล็กๆ ที่ทำให้บอกกับตัวเองว่าเราจะล้มเลิกไม่ได้”
รสกาแฟเริ่มจากการคั่วก่อนการดริป
“น่าจะเป็นที่รสชาติ ยกตัวอย่างเหมือนรสมือของเชฟที่ทำอาหารแต่ละคนทำอาหารอย่างเดียวกันแต่รสชาติก็อาจแตกต่างกัน อีกอย่างก็น่าจะเป็นวิธีการคั่วของเราที่ยังคงยืนหมุนเครื่องคั่วที่คั่วได้ครั้งละหกร้อยกรัม คั่วครั้งหนึ่งได้กาแฟแค่สองถุง โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นการควบคุมเมล็ดกาแฟที่เราคั่วได้ทั่วถึงกว่าใช้เครื่องคั่วขนาดใหญ่ เวลาที่เราคั่วกาแฟเป็นช่วงเวลาที่เราชอบมากที่สุด เพราะจะมีสมาธิจดจ่อกับมัน เป็นช่วงเวลาที่เราตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆ จุดเด่นอีกข้อของเราคือจะให้ลูกค้าสั่งเป็นรอบ อย่างเช่นขึ้นโพสต์ชื่อกาแฟบนหน้าเพจให้ลูกค้าสั่งอาทิตย์นี้ เมื่อได้ออเดอร์ตามที่เราสามารถทำได้แล้ว เราจะคั่วทุกวันจันทร์-อังคารและส่งของทุกวันศุกร์ คือเราจะรับออเดอร์ก่อนแล้วค่อยคั่ว เพื่อให้ลูกค้าได้กาแฟที่ใหม่สด จริงๆกาแฟที่คั่วใหม่ๆ ไม่ควรบดเพื่อดื่มเลยเพราะยังมีแก๊สอยู่ และรสชาติยังไม่ดีนัก ควรพักไว้ก่อนสักสามสี่วันซึ่งก็ลงรอบที่เราจัดไว้ พอถึงมือลูกค้าก็บดดื่มได้ทันที”
ขอบคุณ
คุณภูริดลพิมสาร Have a Hug Studio(สถานที่)
มาร่วมเวิร์คช็อปดริปกาแฟได้ในงานบ้านและสวนแฟร์ midyear 2019 โซน Artisan Village
สาธิต “ดริปดื่มเองได้ง่ายนิดเดียว” เทคนิคเบื้องต้นที่จะทำให้กาแฟแก้วนั้นเป็นแก้วที่อร่อยสำหรับคุณ
รายละเอียด Workshop
- ฟังความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกาแฟ ทำความรู้จักกาแฟตั้งแต่ต้น ผล การแปรรูป
- อุปกรณ์และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดริปกาแฟ
- การเลือกระดับการคั่วที่เหมาะสมกับความชอบของตัวเอง
- เทคนิคเบื้องต้นที่จะทำให้กาแฟแก้วนั้นเป็นแก้วที่อร่อยสำหรับคุณ
- ได้กาแฟซองสำหรับไปดริปดื่มเองที่บ้าน
Date & Time
รอบที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 เวลา 11.00-12.30 น
รอบที่ 2 วันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2562 เวลา 14.00-15.30 น
รับจำนวนรอบละ 20 คน คนละ 500 บาท
***ลงทะเบียนและชำระเงิน ได้ที่ : Drip for friends