Lee Bul ศิลปินสุดสตรองผู้สร้างสรรค์งานศิลปะที่มีกลิ่นอายโลกอนาคต
room ชวนมาทำความรู้จักกับศิลปินระดับโลกชาวเกาหลี Lee Bul ผู้มีความสามารถในศิลปะหลายแขนง ก่อนเตรียมตัวใกล้ชิดตัวจริงเสียงจริงและผลงานของเธอเร็ว ๆ นี้ในเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 (Bangkok Art Biennale 2018)
Lee Bul ศิลปินหญิงรุ่นใหญ่วัย 54 ปี ผู้หลงใหลในงานประติมากรรมแบบผสมผสาน เกิดที่กรุงโซล ในปีค.ศ.1964 ประเทศเกาหลี จบปริญญาตรีในสาขาประติมากรรมจาก Hongik University ในกรุงโซล กว่า 20 ปีบนเส้นทางสายศิลปะและงานออกแบบ เธอผลักดันทุกขีดจำกัดด้วยแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เธอสนใจล้วนสะท้อนความสามารถของเธอในการนำเสนองานศิลปะในรูปแบบที่หลากหลาย ดูร่วมสมัยเร้าใจและเหนือกาลเวลา บวกกับความสามารถในการสร้างสรรค์งานศิลปะหลายแขนง อาทิ งานประติมากรรม (Sculpture), ศิลปะจัดวาง (Installation Art), ศิลปะการแสดงสด (Performance Art), ศิลปะเฉพาะพื้นที่ (Site Specific Art) ,งานด้านการออกแบบ (Design) รวมถึงการออกแบบกระเป๋าร่วมกับแบรนด์หรูระดับโลก อย่าง Christian Dior งานประติมากรรมและงานศิลปะจัดวางคือผลงานที่สะท้อนเอกลักษณ์อันเป็นซิกเนเจอร์ของเธอ โดยใช้เทคนิคพิเศษต่างๆในการออกแบบโครงสร้างผ่านงานศิลปะใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ประกอบกับการออกแบบภายในที่มีมิติแปลกตา มีกลิ่นอายของโลกอนาคตผลงานของเธอนำเสนอแนวคิดสมัยใหม่ ประโยชน์ของเทคโนโลยีเรื่องเพศสภาพและความเป็นมนุษย์
ผลงานของ Lee Bulส่วนใหญ่ล้วนสื่อถึงการเปรียบเปรยความแตกต่างและความตรงกันข้าม เช่น ความเป็นปัจเจกกับความเป็นกลุ่ม แสงสว่างกับความมืดมิด ธรรมชาติกับเครื่องจักร ความจริงและความเหนือจริง นอกจากนี้ยังมีเรื่องการตอบสนองของมนุษย์ที่มีต่อการก้าวไปสู่โลกอนาคตและเทคโนโลยี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอสนใจเรื่องโครงสร้างทางสังคมและสภาพแวดล้อม มีการลงพื้นที่ศึกษาอย่างลึกซึ้งก่อนจะสร้างผลงาน การแสวงหายูโทเปียผ่านงานศิลปะที่มีขนาดใหญ่ซึ่งรวมองค์ประกอบทางโครงสร้างที่สำคัญซึ่งมักอ้างถึงนิยายวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมแห่งความทันสมัยผ่านจัดวางขนาดใหญ่มหึมาและโปรเจคที่อธิบายสิ่งที่เธอสนใจได้เป็นอย่างดีก็คือผลงาน Willing To Be Vulnerable จัดแสดงในงาน Sydney Biennale ปี 2016 ที่สะท้อนโลกอนาคตที่มนุษย์ฝันหาผ่านงานศิลปะที่มีเครื่องบินเหล็ก พลาสติก โปรเจคนี้มีการใช้วัสดุที่หลากหลายมาประกอบร่างกับกลไกไฮโดรลิกทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจนกลายเป็นงานที่ใช้สเปซโกดังขนาดใหญ่จนเต็มพื้นที่
Lee Bul เป็นที่รู้จักในวงการศิลปะ ได้รับการยอมรับระดับสากลและเริ่มขยายอิทธิพลสู่สายงานออกแบบแฟชั่น ได้ร่วมงานกับ Dior ( Christian Dior ) แฟชั่นเฮ้าส์สุดหรูระดับโลกใน Miss Dior Exhibition 2013 และล่าสุดคือโปรเจคกระเป๋าถือสุดหรูแบรนด์ Dior ที่เลือก Lee Bul มาร่วมออกแบบกระเป๋าคอลเลคชั่นพิเศษ ซึ่งโปรเจคนี้ทาง Dior จับมือกับศิลปินชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกร่วมกันสร้างสรรค์กระเป๋าเลดี้ดิออร์โฉมใหม่ในสไตล์ถนัดของศิลปินแต่ละคน สำหรับเธอได้รังสรรค์กระเป๋าถือ Lady Dior ทำด้วย Plexiglas Mirrors ด้วยเทคนิคการนำกระจกเพล็กซีกลาสรูปทรงเรขาคณิตชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับร้อยชิ้นมา ประดับเรียงต่อกันรายบนตัวกระเป๋าจนเกิดเป็นแผ่นกระจกผืนใหญ่ที่ดูเผินๆเหมือนมีรอยร้าว สื่อถึงแนวคิดในการออกแบบที่ท้าทาย การเลือกภาพที่ดูซับซ้อนแต่ในขณะเดียวกันก็งดงามดูล้ำสมัย
นอกจากนี้ผลงานของเธอถูกจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ในระดับชาติและระดับนานาชาติ อาทิ Art Sonje Center และ The Samsung Museum of Art ในกรุงโซล , The New Museum of Contemporary Art ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา , The National Gallery of Victoria ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และอื่นๆอีกมากมาย ในขณะนี้เธอกำลังมีนิทรรศการแสดงเดี่ยวในวาระครบรอบ 50 ปี ของ Hayward Gallery กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกเนรมิตเป็นโลกใหม่หรือยูโธเปียในแบบฉบับของเธอเอง
ผลงานศิลปะที่สะท้อนอุดมการณ์ในการสร้างยูโทเปียท่ามกลางซากปรักหักพังของเผด็จการซึ่งฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ สู่สำนึกถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่ถูกครอบงำด้วยโลกสมัยใหม่ นี่คือสูตรสำเร็จสุดคลาสสิคของ Lee Bul ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะได้ทุกอย่าง ตั้งแต่งานติดตั้งขนาดใหญ่เชิงสถาปัตย์ การเปลี่ยนความรู้สึกของพื้นที่ให้เป็นดินแดนแฟนตาซีไปจนรถึงผลงานภาพวาดขนาดเล็กที่ดูละเมียดละไม นอกจากนี้เธอได้สร้างสรรค์ผลงาน “Weep into Stones” ขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่ของ Hayward Gallery โดยเฉพาะ ภายในนิทรรศการมีการนำเอาชิ้นงานกว่า 100 ชิ้น ตั้งแต่ปลายปีค.ศ.1980 จนถึงปัจจุบัน มาจัดแสดง อาทิ หุ่นยนต์จากโลกอนาคต ชิ้นงานกระจกและอนุสาวรีย์ของ Zeppelin ที่ทำจากฟอยล์ ที่จะพาผู้เข้าชมไปสู่โลกอนาคตพร้อมไปดูชิ้นงานขนาดใหญ่ที่จะช่วยทำให้เราเรียนรู้ว่าร่างกายและสมองของเราทำงานไปด้วยกันและพร้อมกันตามคอนเซปต์ Working at the same time, together
นี่คือโอกาสสุดพิเศษสำหรับแฟนๆชาวไทยที่ไม่ต้องบินไกลถึงอังกฤษก็สามารถใกล้ชิดกับ Lee Bul และผลงานศิลปะสุดล้ำของเธอเพราะเธอเตรียมจัดแสดงผลงานชิ้นใหญ่ในเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2561 นี้ และล่าสุด Lee Bul ได้เดินทางมาดูพื้นที่เตรียมงานและร่วมกิจกรรมการบรรยายพิเศษ หรือ BAB TALK และได้เล่าถึงผลงานศิลปะสุดล้ำของเธอที่จะนำมาจัดแสดงในครั้งนี้มีชื่อว่า “Diluvium” เป็นรากศัพท์จากภาษาละติน แปลว่า ท่วม หรือ ทะลักจนท่วมท้นโดยอธิบายว่า “ฉันตั้งคำถามเกี่ยวกับกลไก ของร่างกายมนุษย์อยู่เสมอ ผลงานชุดนี้จัดอยู่ในประเภท Site Sp ecific คือการทำงานกับพื้นที่ขนาดใหญ่ด้วยการเนรมิตพื้นที่ให้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการเล่นกับกฏแรงโน้มถ่วงผู้เข้าชมจะได้หาความสมดุลให้ตัวเองได้เพราะไม่มีพื้นที่ใดที่ผู้เข้าชมจะสามารถยืนตัวตรงได้ในชิ้นงานขนาดมหึมานี้นั่นแปลว่าสมองของคุณจะถูกใช้งานควบคู่กับการขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อการรับชมงานที่ราบรื่น”
แค่ได้ฟังคอนเซปต์ในการออกแบบนี้ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหวที่จะรอชมผลงานของเธอกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ Lee Bul ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ไม่ได้อยากให้ต้องไปทำความเข้าใจหรือพยายามหาเหตุผล ทุกอย่างคือใจอยากให้เป็นประสบการณ์และความรู้สึกเพราะความหมายข้างในนั้นเยอะมากเพราะฉันก็ไม่รู้จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ไม่ได้มีแค่ภาพตรงนี้ที่เห็นแต่ยังมีการแสดงที่เป็นละครเวที งานวาด งานปั้น งานจัดวางและภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย”
จะเห็นได้ว่าLee Bul สร้างสรรค์งานศิลปะผ่านการพูดจาในแบบฉบับภาษาศิลปินสะท้อนเรื่องราวต่างๆบนโลก เช่น ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ, ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจของมนุษย์ , สถานการณ์ทางการเมือง ฯลฯ สิ่งที่ทำให้ผลงานของเธอมีความโดดเด่น ดูเหนือกาลเวลาและมีความแตกต่าง คือผลงานของเธอมีความสวยงาม ละเมียดละไม พิถีพิถันและมีความปราณีตอยู่ในนั้น ไม่ว่าเนื้อหาภายในที่ซ่อนอยู่จะจัดเต็มและหนักแน่นเพียงใดก็ตาม
เรื่อง Sara’
ภาพ www.leebul.com, www.lehmannmaupin.com, www.amuraworld.com, www.bkkartbiennale.com
เป็นเพื่อนกันเราได้ใน Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40slo7204x